บทความนี้เกิดจากที่ผมได้ดูละครหลายๆ เรื่อง ซึ่งอาจจะตรงกับชีวิตจริงหรือไม่นั้นไม่รู้ ที่รู้คือมันเป็นเหตุผลที่ใช้ได้เลยทีเดียว การทำบุญที่ผมพูดถึงนี้คือการทำบุญที่วัด ไปตักบาตร ทำทานด้วยเงิน หรือสิ่งของ ผมไม่รวมถึงการที่ไปลงแรงช่วยเหลือคนตอนน้ำท่วม หรือจูงคนแก่ข้ามถนนนะครับ เพราะตรงนั้นผมเชื่อว่ามีบางคนทำเพราะไม่ได้หวังอะไร ไม่มีเหตุผลที่จะทำ เพียงแค่ทำแล้วสบายใจแค่นั้น
ที่ผมจะพูดถึงคือการทำบุญแบบที่ต้องไปทำที่วัด ตักบาตร ทำทาน สวดมนต์ อะไรประมาณนี้นะครับ การที่คนเราจะทำอะไรเหล่านี้ผมว่ามันมีเหตุผลของมันอยู่ ซึ่งผมขอแบ่งเหตุผลออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ
เหตุผลแรกเป็นเหตุผลที่คนส่วนใหญ่เป็น รวมทั้งผมด้วย อาจจะเรียกได้ว่าชาวพุทธที่ศึกษาธรรมะส่วนใหญ่เป็นแบบนี้ก็ว่าได้ นั่นคือเหตุผลที่ว่าต้องการให้บุญกุศลที่กระทำ ทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะปรากฎให้เห็นในชาตินี้หรือชาติหน้าก็ตาม ในบางคนที่เคร่งครัด และปฏิบัติ เป้าหมายของเขาคือโลกุตตรธรรม 9 ซึ่งนิพพานถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายของชาวพุทธ
เหตุผลนี้จริงๆ แล้วควรจะเป็นเหตุผลเดียวที่คนทำบุญ แต่จากที่ผมอาศัยอยู่ในโลกนี้มากว่า 27 ปี ทำให้รู้ว่าในโลกนี้มีอีก 2 เหตุผลที่คนทำบุญ คือ คิดว่าการบุญจะลบล้างความผิดที่ก่อเอาไว้ได้ กับอีกเหตุผลหนึ่งคือทำบุญเพื่อเอาหน้า
คนที่คิดว่าการทำบุญจะลบล้างความผิดที่ก่อเอาไว้ได้นั้น ผมเข้าใจว่ามันไม่ได้ลบล้างกันได้ กรรมชั่วที่ก่อไว้ยังไงก็คือกรรมชั่ว กรรมดีที่ก่อไว้ยังไงมันก็คือกรรมดี มันแยกกันอยู่ ผลกรรมชั่วที่ทำจะส่งผลกับเราก่อน และเมื่อกรรมชั่วที่ได้ทำไว้ถูกชดใช้หมด กรรมดีก็จะทำงานเหมือนสับสวิทอัตโนมัติ คนที่ทำดีแต่ไม่ได้ดีสักที นั่นแปลว่ากรรมชั่วที่ทำมาในชาติก่อนยังชดใช้ไม่หมดนั่นเอง
เหตุผลนี้ยังพอเข้าใจได้ ถึงแม้คนที่เชื่อในเหตุผลนี้จะเข้าใจผิดก็ตาม แต่เหตุผลสุดท้ายเป็นเหตุผลที่ผมยากจะรับได้ นั่นคือทำเพื่อเอาหน้า หรือเพื่อรักษาภาพลักษณ์ ยกตัวอย่างหนังที่ผมดูคือ 5 คม (เก่ามากละ เพราะไม่เคยดูหนังนาน จำได้แต่เรื่องนี้ ^^) ตัวร้ายทำธุรกิจมืด แต่หน้าฉากทำตัวเป็นนักบุญ ทำบุญ ทำทาน เพียงเพื่อให้คนอื่นไม่สงสัยในตัวของเขา อย่างนี้เขาเรียก "ซาตานในคราบนักบุญ"
เหตุผลเดียวกันจะเป็นประเภททำเพื่อธุรกิจ มีกลยุทธ์หนึ่งผมเรียกว่ากลยุทธ์ "ทุ่มทุนเพื่อเอาหน้า" นั่นคือกลยุทธ์ CSR ยกตัวอย่างการบริจาคของให้กับคนบางกลุ่ม เช่น คนยากจน หรือนักเรียน โดยป่าวประกาศให้คนทั้งประเทศรู้ด้วยว่าเราทำอะไร จริงๆ ผมไม่ได้รังเกียจกลยุทธ์นี้นะครับ เพราะคนที่เดือนร้อนก็ได้รับการช่วยเหลือจริงๆ แต่บางทีมานั่งนึกว่าถ้าคนทำไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลย เขาจะยอมช่วยไหมแค่นั้น
ผมเลยรู้สึกว่าปัจจุบัน มีเหตุผลที่บิดเบือนมากมายที่จูงใจให้คนมาทำบุญ แต่สำหรับชาวพุทธทั้งหลาย ที่ได้เคยศึกษาธรรมะ หรือเคยปฏิบัติก็ตาม เป้าหมายของเราชาวพุทธคือการก้าวเข้าสู่นิพพาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากเสียยิ่งกว่ายาก ในโลกที่มีแต่กิเลสคอยยั่วยวนให้เราก้าวขาออกนอกทางสายกลางอยู่เสมอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น