วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

พูดกับคนๆ เดียว ยากกว่าอธิบายคนเป็นร้อย

ผมว่าผู้ชายแทบทุกคนเป็นเหมือนกัน คือพูดอะไรไป แฟนไม่เคยเชื่อ ผมนั่งวิเคราะห์สาเหตุอยู่ว่ามันเป็นไปได้อย่างไร ตัวผมเป็นวิทยากร สามารถทำให้คนฟังเชื่อได้เป็นร้อยเป็นพัน แต่กับคนๆ เดียวกลับไม่สามารถทำให้เชื่อได้ T-T

ผลการวิเคราะห์นี้เป็นการเดาของผมคนเดียวนะครับ สาเหตุที่ 1 คือผมว่าเกิดจาก คนที่เราพูดถึงอยู่นี้ คือคนที่รู้จักเราในทุกๆ มุม แต่ไม่ใช่มุมที่ลูกค้า หรือคนอื่นรู้จัก และเขาก็จะมักมองภาพไม่ออกเวลาที่เราสามารถจูงใจคนอื่นได้

ข้อ 2 คือ การที่เราเอาใจใส่เขามากกว่า การที่เราคุยกับลูกค้า หรือคนอื่น เราไม่แคร์ความรู้สึกเขามากเหมือนกันคุยแม่ทูนหัวคนนี้ ^^ เวลาที่เราบอกลูกค้าให้ทำอะไร เราจะมองถึงเหตุผล ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น แล้วมันจะลงตัวเองที่ผลประโยชน์ แต่เมื่อคุยกับเธอ ผลประโยชน์ย่อมลงตัวที่เธอพอใจ เหตุผลไม่สำคัญ สำคัญที่ถูกใจ พอเราไม่ยอม ก็จะเกิดอาการหนึ่งที่ทำให้ผู้ชายทั้งโลกตกอยู่ในความลำบาก นั่นคือ "งอน" สุดท้ายผู้ชายก็ "ง้อ" และเหตุผลทั้งหมดก็จบลงที่ตามใจเธอ T-T

ขอถามสักหน่อยว่า ถ้าคุยกับลูกค้าแล้วลูกค้าไม่ยอม โดยลูกค้าอาจจะขอลดราคา ซึ่งเราให้ไม่ได้จริงๆ เนื่องจากราคาที่ขอนั้นเราขาดทุน เราอาจจะยอมแค่ลดนิดหน่อย ถ้าเขาไม่ซื้อ เราคงไม่ไปตามคุกเข่าอ้อนวอน เราก็คงจะปล่อย และอวยพรเขาตามท้าย แต่ถ้าเป็นหญิงน้อยคนนี้ สงสัยเราคงต้องยอมขาดทุนเป็นแน่ จริงไหมครับ ^__^

ส่วนข้อสุดท้าย ผมว่าเป็นทิฐิที่ว่าจะไม่ยอมแพ้เรา เพราะฉะนั้นเราบอกอะไรเขาจะค้าน แต่เมื่อมีคนอื่นมาบอกอย่างที่เราบอกเธอ เธอจะเชื่อทันที เพราะจริงๆ แล้วเธออยากจะเชื่อเรา แต่กลัวแพ้ พอคนอื่นมาแนะนำเธอเลยเลือกเชื่อคนอื่นดีกว่า

โดยส่วนตัวผม แฟนผมก็ไม่ได้จะไม่เชื่อผมเสียทุกเรื่องนะครับ ที่เขียนนี้เพียงแค่นึกขำๆ เลยเขียนขึ้นมาเล่าให้ฟัง ถึงแม้ผู้ชายตัวเล็กๆ อย่างเรา จะโดนรังแกจากสุภาพสตรีผู้แข็งแกร่งอย่างไร เราก็ยังรักเขาเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงนะครับ ^^

วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เห็นใจนายจ้างบ้าง

ผมเป็น consult จึงมีโอกาสได้สัมผัสกับเจ้าหน้าที่ของบริษัทต่างๆ มากมาย ทั้งภาครัฐ และเอกชน ทำให้พบเห็นคนต่างๆ กันออกไป วันที่ผมได้ไปเห็นการทำงานของคนเหล่านั้น ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นคือรู้สึก "เห็นใจนายจ้าง"

จริงๆ แล้วผมก็เป็นลูกจ้างเหมือนกัน ไม่เคยมีโอกาสได้เป็นนายจ้าง เนื่องจากวาสนาไม่ถึง ^^ แต่ผมก็เป็นลูกจ้างที่ทำงานอย่างเต็มที่ เพราะคิดว่าการที่เขาจ้างเราให้ทำงาน เราก็ต้องตอบแทนให้คุ้มค่าจ้าง เพราะเมื่อคิดในมุมกลับกัน หากเราเป็นนายจ้าง ก็อยากให้ลูกจ้างทำงานให้เราเต็มที่เช่นเดียวกัน

แต่วันนี้ที่ผมเห็นหลายๆ บริษัท พนักงานส่วนใหญ่ไม่เต็มที่กับงาน ทำงานก็จริง แต่ทำเพียงแค่ขอให้เสร็จไปวันๆ ไม่เคยคิดที่จะพัฒนางานของตนให้ดีขึ้น เพื่อให้บริษัทก้าวหน้า เพียงแค่คิดว่าเขาให้เราทำแค่นี้ เราก็ทำแค่นี้ มีที่หนักกว่าคือ ในเวลางาน งานก็ยังไม่เสร็จ แต่นั่งเล่นเกมส์ในเวลางาน อันนี้ผมไม่เข้าใจ เขาจ้างให้มาทำงาน ไม่ใช่มานั่งเล่นเกมส์ ถ้าอยากเล่นเกมส์ ก็ออกจากงานไปนั่งเล่นที่บ้าน เขาจะได้ไม่ต้องเสียเงินจ้าง

อีกกลุ่มหนึ่งที่ผมไม่ค่อยเข้าใจคือ หัวหน้าสั่งลูกน้องทำงานชิ้นหนึ่ง ลูกน้องบอกทำไม่ได้ แล้วก็ไม่ยอมทำ หัวหน้าก็ทำอะไรไม่ได้ จนต้องทำเอง อันนี้ผมไม่เข้าใจทั้งหัวหน้าและลูกน้อง เขาจ้างมาทำงาน ถ้าทำไม่ได้ ก็ต้องถาม หรือไม่ก็ต้องศึกษาจนทำได้ เขาให้เราทำ ก็หมายถึงให้เราไปศึกษามาด้วยว่าทำยังไง ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ก็ไม่ทำ หรือทำเฉพาะงานที่อยากทำ จริงๆ แล้วในเมื่อมันเป็นงานไม่ว่าอยากทำหรือไม่ก็ต้องทำ ถ้าทำแล้วมันทำให้บริษัทกำไร

ส่วนหัวหน้าก็แปลก เขาเป็นลูกน้อง เขาไม่ทำก็บังคับไม่ได้ เป็นผมถ้าไม่ทำ ก็ออกไป เสียเงินจ้างสองคน แต่ทำงานคนเดียว อีกคนจ้างไปก็เปล่าประโยชน์ สู้เอาเงินของอีกคนมาให้อีกคนให้มีกำลังใจทำงานจะดีกว่า

ผมเห็นหลายบริษัทเป็นแบบนี้ ผมก็รู้สึกเห็นใจนายจ้าง เพราะผมก็มีความฝันว่าจะทำธุรกิจของตนเองเหมือนกัน แต่ถ้าเจอลูกน้องอย่างนี้คงลำบากใจแน่ๆ เลยจะขอให้ลูกจ้างทุกคน จงรู้ว่า ที่องค์กรจา้ยเงินจ้างคุณ ก็เพื่อหวังที่จะได้ผลงานให้คุ้มกับค่าจ้างที่ได้ให้ไป แต่ถ้าคุณคิดจะเอาเปรียบนายจ้าง งานไม่ทำ นั่งเล่นเกมส์ในเวลาทำงาน ผมว่าคุณออกไปเปิดร้านเกมส์ แล้วไปนั่งเล่นในร้านของคุณดีกว่า อย่ามาเอาเปรียบคนอื่นเลยครับ (ขอบ่นหน่อยเถอะ ไม่อย่างนั้นประเทศไทยก็ไม่เจริญสักที)