วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553

GIMP ใช้ทดแทน Photoshop ได้จริงหรือ

หลายองค์กรต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์ Photoshop เป็นอีกซอฟต์แวร์หนึ่งที่มีราคาค่อนข้างแพง แต่ด้วยความแพงก็มาพร้อมกับความสามารถที่คุ้มค่ากับราคาพอสมควร

หากถามว่าจะนำซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สตัวใดที่สามารถใช้ทดแทน Photoshop ได้ ในขณะนี้คงกล่าวได้ว่า GIMP น่าจะเป็นซอฟต์แวร์ที่ดีที่สุดที่จะนำมาทดแทนได้

แต่หากต้องการนำ GIMP มาใช้ในองค์กร จะมีปัญหาอยู่ส่วนหนึ่งคือ ใช้งานยากกว่า Photoshop มาก ด้วยแนวคิดของผู้พัฒนา และการใช้งานที่แตกต่างกัน ทำให้พนักงานที่เดิมใช้ Photoshop จะเปลี่ยนมาใช้ GIMP เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากพอสมควร


ความสามารถของ GIMP ยังคงไม่เทียบเท่า Photoshop หากเป็น Graphic Disigner ที่จำเป็นต้องออกแบบงานพิมพ์เป็นประจำ ส่งงานพิมพ์ไปยังโรงพิมพ์บ่อยๆ และใช้ฟีเจอร์ของ Photoshop อย่างเต็มที่ คงยังต้องใช้ Photoshop เช่นเดิม แต่หากเป็นพนักงานทั่วไป ใช้ Photoshop เพียงตกแต่งรูป ลดขนาดภาพ ปรับสี ปรับแสงต่างๆ อันนี้สามารถเปลี่ยนมาใช้ GIMP ได้

แต่การจะนำ GIMP ให้พนักงานใช้งาน จำเป็นต้องจัดการอบรมให้กับพนักงานด้วย เพราะความแตกต่างกันอย่างมากสำหรับ GIMP และ Photoshop ถึงแม้ว่าผลลัพธ์จะทำได้เหมือนกัน แต่เมนู และวิธีการแตกต่างกันมากพอสมควร

เพราะฉะนั้นการจะนำ GIMP มาใช้ในองค์กรต้องประเมินการใช้งานของพนักงานก่อน และจัดอบรมให้กับพนักงานที่จะทำการเปลี่ยน การเปลี่ยนก็จะพบปัญหาน้อยลง

Stardict Free Dictionary ใช้ง่ายสบายงบ

ซอฟต์แวร์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ และมีปัญหากันบ่อยๆ ตัวหนึ่งคือซอฟต์แวร์ดิกชันนารี จริงๆ แล้วราคาต่อ 1 license ไม่แพงสักเท่าไร แต่การที่จะซื้อให้ครบตามจำนวนผู้ใช้ที่มีอยู่ในองค์กร เป็นราคาที่ค่อนข้างสูง และซอฟต์แวร์ดิกชันนารี จำเป็นสำหรับพนักงานแทบทุกคน

จริงๆ แล้วดิกชันนารีที่อยู่บนเว็บก็สามารถแก้ปัญหานี้ได้ แต่จะยุ่งยากที่จะต่ออินเทอร์เน็ตให้กับพนักงานทุกคน และบางองค์กรมีนโยบายเรื่องจำกัดผู้ที่มีสิทธิ์ใช้อินเทอร์เน็ต วิธีนี้อาจจะเป็นการขัดกับนโยบายขององค์กร

มีงานวิจัยของเนคเทคที่เป็นดิกชันนารีตัวหนึ่งชื่อว่า Lexitron ที่เผยแพร่เป็น Freeware แต่ตัวซอฟต์แวร์ Lexitron นั้นมีปัญหาในการใช้งานอยู่บ้าง แต่ถ้าถามถึงข้อมูลดิกชันนารีของ Lexitron ถือว่าดีมาก แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าที่ควร

มีซอฟต์แวร์ดิกชันนารีที่เผยแพร่เป็นโอเพนซอร์สอยู่ตัวหนึ่งชื่อว่า Stardict เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ได้ดีแต่ปัญหาของซอฟต์แวร์ตัวนี้คือไม่มีดิกที่เป็นภาษาไทย

Osdev (บริษัท โอเพนซอร์สดิเวลอปเมนต์ จำกัด) จึงได้เอาดิกชันนารีของ Lexitron กับซอฟต์แวร์คือ Stardict มารวมกัน ทำให้ Stardict ใช้ดิกภาษาไทยได้

ความสามารถของ Stardict คือมีหน้าต่างสำหรับแปลคำไทย-อังกฤษ และอังกฤษ-ไทย อีกทั้งยังมีอีกความสามารถคือเมื่อคลุมข้อความในเอกสารหรือหน้าเว็บ จะมี hint แปลคำที่คลุมไว้อีกด้วย

สำหรับผู้ที่สนใจทดลองใช้งาน สามารถดาวน์โหลดได้จาก ที่นี่ ครับ

Sumitomo Electric Industries ในญี่ปุ่นใช้ OpenOffice.org

ไม่เพียงในยุโรปเท่านั้นที่มีการใช้ OpenOffice.org อย่างแพร่หลาย ในเอเชียก็มีการใช้งานอย่างมากด้วย อย่างเครือบริษัท Sumitomo ในญี่ปุ่น ก็มีการใช้งาน OpenOffice.org เช่นเดียวกัน นั่นคือเครื่องจำนวนเป็นหมื่นเครื่องเปลี่ยนมาใช้ OpenOffice.org เรียบร้อยแล้ว

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2551 ที่ผ่านมาบริษัทในเครือ Sumitomo Electric Industries (SEI) ได้ประกาศว่าจะใช้ OpenOffice.org ในเครือบริษัท

เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน 2551 ที่มีการแนะนำให้ใช้ OpenOffice.org ทดแทนการใช้ Microsoft Office ทั้ง Word Processing, Spreadsheet, Presentation จะใช้ OpenOffice.org ทดแทนทั้งหมด

กรณีที่ซื้อเครื่องใหม่จะมีการติดตั้ง OpenOffice.org ไว้ตั้งแต่แรก ทำให้บริษัท Sumitomo Electric Information หนึ่งในเครือ SEI จัดการการเปลี่ยนมาใช้ OpenOffice.org ในเครือ SEI โดยสามารถเปลี่ยนได้ถึง 15,000 เครื่อง และ 500 เครื่องต่อปีที่ซื้อเพิ่มก็มีการติดตั้ง OpenOffice.org ด้วย

ความสามารถในการ Export เป็น PDF และการสนับสนุนรูปแบบ ODF เป็นที่ชื่นชอบเพราะทำให้ตอบสนองลูกค้าที่ขอให้ส่งเอกสารในรูปแบบของ ODF กับทาง SEI ได้

สมาชิกของ SEI ได้จัดทำ Help Desk Web Page เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับ OpenOffice.org มีการจัด E-learning Training และ Training Program เพื่อสนับสนุนการใช้งาน OpenOffice.org ภายใน SEI

สังเกตว่าในต่างประเทศมีการนำ OpenOffice.org ไปใช้กับทุกกลุ่มธุรกิจ อทิเช่น กลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มการเกษตร กลุ่มการเงิน กลุ่มการศึกษา ฯลฯ อีกทั้งยังมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในภาครัฐด้วย นั่นหมายถึงคำกล่าวที่บอกว่า "OpenOffice.org ใช้ในธุรกิจไม่ได้" เป็นคำกล่าวที่ไม่เป็นความจริง ตามที่ได้ยกตัวอย่างมาเป็นหลักฐานที่ดีว่าองค์กรก็มีการใช้งาน OpenOffice.org กันอย่างแพร่หลาย ไม่เพียงต่างประเทศเท่านั้น องค์กรธุรกิจในประเทศก็มีการใช้งาน OpenOffice.org เช่นเดียวกัน

ที่มา : www.openoffice.in.th

วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553

OOoCon2010 เฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปี OpenOffice.org

ปีนี้อายุของ OpenOffice.org ก็ย่างเข้า 10 ขวบแล้ว มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากตั้งแต่เวอร์ชันแรกที่ OpenOffice.org ได้ออกมาให้เราใช้งานกัน สำหรับงาน OpenOffice.org Conference 2010 มีการเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีของ OpenOffice.org งานนี้จัดที่เมืองบูดาเปส ประเทศฮังการี ซึ่งเป็นเมืองที่สวยงามมากเมืองหนึ่งของโลก

OpenOffice.org Conference หรือเรียกสั้นๆ ว่า OOoCon จัดขึ้นทุกๆ ปี ปีนี้จัดตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคมถึง 3 กันยายน ที่เมืองบูดาเปส ประเทศฮังการี ในงานนี้ก็จะมีการเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีของ OpenOffice.org ด้วย

งาน OOoCon ที่ผ่านมาเป็นงานที่รวบสิ่งที่น่าสนใจอยู่มากเกี่ยวกับ OpenOffice.org มีทั้งตัวแทนจากแต่ละประเทศออกมาเล่า หรือบรรยายเกี่ยวกับ OpenOffice.org ในแต่ละประเทศ มีการบรรยายของผู้พัฒนาหลักก่อนหน้านี้คือ Sun Microsystem แต่ในวันนี้คงต้องเป็น Oracle เสียแล้ว แต่ไม่ใช่ประเด็น เพราะไม่ว่า Sun หรือ Oracle จะเป็นเจ้าของ Community ของ OpenOffice.org ก็ยังคงแข็งแกร่งเหมือนเดิม ^ ^

มีคำกล่าวจากผู้เข้าร่วมงานในปีก่อนๆ ได้กล่าวไว้ว่า "I think OOoCon2008 was a tremendous success. I enjoyed talking, discussing with people who I know just as names and/or ooo alias. I tried to listen, hear, and share the ideas, what project, community contributors, developers and project leads have, as far as posssible. I verified again here that face to face meeting is very important."

ใครอยากไปเที่ยวประเทศฮังการี ผมว่าโอกาสนี้เหมาะมาก ได้ไปเที่ยวด้วย และยังได้ไปร่วมงาน OOoCon2010 เพื่อร่วมฉลองกับ OpenOffice.org อีกด้วย แต่ใครที่ไม่ได้ไปร่วมงานที่ประเทศฮังการี Osdev มีโครงการที่จะร่วมฉลองครบรอบ 10 ปีของ OpenOffice.org ด้วย รอติดตามข้อมูลได้ที่ facebook ครับ หรือหากจะติดตามข้อมูลของ OOoCon2010 สามารถ follow twitter ได้ที่ @ooocon ครับ

ที่มา : www.openoffice.in.th

Case การใช้ Open Source Software ในโรงเรียน ประเทศฟินแลนด์

ในต่างประเทศมีการใช้งานซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สในทุกประเภทธุรกิจ ทั้งในภาครัฐ และเอกชน ไม่เว้นแม้แต่สถานศึกษา ก็มีการนำซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สมาใช้กันเป็นจำนวนมาก อย่างในฟินแลนด์ โรงเรียนหลักร้อยแห่งก็หันมาใช้ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส

ในฟินแลนด์มีการเริ่มใช้งานซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สทั้งบน PC และโน๊ตบุค โดยความสำเร็จเกิดจากผู้ให้บริการด้านโอเพนซอร์สอย่าง Opinsys ให้ความช่วยเหลือ

Opinsys ได้ช่วยเหลือ 90 โรงเรียนในเทศบาล 28 แห่งในส่วนของการดูแล PC และ Laptop ที่รัน Ubuntu Linux ต้นทุนของการใช้ Linux รวมถึงค่า Maintenance อยู่ที่ 282 ยูโรต่อปี โดยมี Presentation ที่ได้นำเสนอเรื่องการใช้ Ubuntu ในโรงเรียนบรรยายโดย Allan Schneitz ซึ่งเป็นอาจารย์ในโรงเรียนแห่งนี้ ได้กล่าวไว้ว่า "This infrastructure is easy to extend, it is secure, reliable and easy to use" ทำให้โรงเรียนอีกหลายๆ แห่งหันมาสนใจที่จะเปลี่ยนมาใช้ซอฟต์ฺแวร์โอเพนซอร์ส และอาจารย์ท่านนี้ยังกล่าวอีกว่า "The system allows utilisation of second hand computers that are four to five years old." ทำให้สามารถนำเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้ใช้งานกลับมาใช้ใหม่ได้ โดยใช้ Ubuntu Linux เป็น OS

นอกจากนี้ยังมีการวางแผนที่จะใช้ Open Source ที่เป็น Web-based Application เพื่อทำงานร่วมกับฐานข้อมูลของโรงเรียนหรือระบบอื่นๆ โอเพนซอร์สที่จะนำมาใช้ อทิเช่น Moodle หรือ Wiki โรงเรียนเหล่านี้ยังใช้ Google Docs ที่เป็น Office Suite ซึ่งรันบนเว็บอีกด้วย

เห็นแล้วว่าการใช้ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สสามารถทดแทนได้ไม่ว่าจะเป็นหน่วย งานใดก็ตาม กลุ่มการศึกษาเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ควรจะหันมาสนใจซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส ซึ่งไม่เพียงเป็นการลดค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังเป็นการปลูกฝังเรื่องลิขสิทธิ์ให้กับอนาคตของชาติให้เห็นความ สำคัญของทรัพย์สินทางปัญหาได้อีกด้วย

ที่มา : www.openoffice.in.th

วันพุธที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เหตุผลในการ Revised Logo บน OpenOffice.org

การเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม ล้วนแต่มีเหตุผลที่จะเปลี่ยนแปลงแทบทั้งสิ้น การเปลี่ยนโลโก้ของ OpenOffice.org ก็เช่นเดียวกัน ผู้ดูแลก็ให้เหตุผลสำหรับการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ในครั้งนี้ไว้ด้วย

ผู้ดูแลกล่าวว่า โลโก้ และรูปนกนางนวลเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนจดจำ OpenOffice.org ได้เป็นอย่างดี เป็นสิ่งที่ใช้อธิบาย OpenOffice.org ได้ดีกว่าข้อความ สีตัวหนังสือที่เป็นสีน้ำเงิน ดำ และนกนางนวล สื่อถึงความซื่อสัตย์ ความอิสระ การรวมของประสบการณ์ที่สั่งสมมา สีน้ำเงินใหม่ที่ดูแปลกตา สื่อให้เห็นถึงความเป็นมิตร และความทันสมัย สีที่อ่อนลงอธิบายถึงท้องฟ้าที่สดใส และแสงแดดที่ส่องสว่าง อีกทั้งนกนางนวลสีฟ้าที่กำลังบิน บ่งบอกถึงความอิสระ และความซื้อสัตย์ที่เพิ่มขึ้น

ผู้ดูแลกล่าวอีกว่า ระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา OpenOffice.org เริ่มจากโครงการที่ไม่ใหญ่มาก จนประสบความสำเร็จเป็นชุดออฟฟิศที่ประสิทธิภาพ พร้อมกันนั้น แบรนด์ OpenOffice.org ก็เป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก แบรนด์นี้สร้างคุณภาพและความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้น ที่มีการออกแบบใหม่ เป็นจุดสำคัญที่จะบอกถึงสิ่งที่ดีขึ้น ความประทับใจทั้งหมด เพิ่มขึ้นเท่ากับความแข็งแกร่งของ community ที่เพิ่มขึ้นด้วย

โลโก้ที่เปลี่ยนไป อาจจะมีความหมายในตัวของมัน แต่สิ่งที่เรารู้สึกตั้งแต่ได้ใช้งาน OpenOffice.org เป็นความรู้สึกเป็นมิตร การแบ่งปัน ความเอื้ออาทร ที่ไม่จำเป็นต้องอธิบายด้วยสิ่งใดๆ แต่เรารู้ได้เอง และไม่สามารถหาได้จากซอฟต์แวร์ใดๆ นอกจากบนโลกโอเพนซอร์ส

ที่มา : www.openoffice.in.th

มีอะไรใหม่ใน OpenOffice.org 3.2.1

หลังจากที่เวอร์ชัน 3.2 ออกมาเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ทิ้งระยะเวลา 4 เดือนก็ได้ฤกษ์ออกเวอร์ชัน 3.2.1 เสียที เวอร์ชันนี้ถือเป็นเวอร์ชันแรกสำหรับ OpenOffice.org ภายใต้ Oracle เวอร์ชันนี้เป็น Minor Change ของเวอร์ชัน 3.2 แต่การเปลี่ยนแปลงทำให้ดูแปลกใหม่ขึ้นมาก

OpenOffice.org 3.2.1 ออกมาเมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา ผมเป็นคนหนึ่งที่รอลุ้นมานานพอสมควรสำหรับเวอร์ัชันนี้ เนื่องจากกำหนดการของ OpenOffice.org เวอร์ชันนี้ไม่ได้แจ้งไว้ในเว็บไซต์ ประกาศเพียงแค่เลื่อนออกไป ไม่บอกว่าเมื่อไร แตกต่างกับเวอร์ชันก่อนๆ ที่แจ้งกำหนดเวลาในการออกมาให้ทราบตลอด ประจวบกับที่ผู้ที่ดูแล OpenOffice.org เปลื่ยนมือมาอยู่ภายใต้การดูแลของ Oracle ทำให้ตอนนี้รู้สึกโล่งใจขึ้น

เวอร์ชันนี้ถือเป็น Minor Change ที่ผ่านมาหากเป็น Minor Change จะไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรสักเท่าไร เป็นเพียงแค่แก้ Bug ที่เกิดขึ้นเท่านั้น ในเวอร์ชันนี้ถึงแม้ฟีเจอร์ยังไม่มีอะไรเพิ่มเติม แต่ก็เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนในความเปลี่ยนแปลง และมีการแก้ Bug ที่เกิดขึ้นด้วย

สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ หน้าตาที่ดูแปลกใหม่ ถึงแม้ UI หรือตำแหน่งไอคอนยังคงเดิม แต่โลโก้ OpenOffice.org ถูกเปลี่ยนแปลงใหม่แทบทั้งหมด เริ่มตั้งแต่ดาวน์โหลดโปรแกรม ไอคอนตัวติดตั้งจากเดิมจะเป็นเหลี่ยมๆ กลับกลายเป็นโลโก้ใหม่ของ OpenOffice.org รูปร่างกลมๆ ดูแปลกตา (สามารถดูดีไซน์ของ OpenOffice.org รูปแบบใหม่ทั้งหมดได้ ที่นี่)

พอเข้าสู่ขั้นตอนการติดตั้ง ในหน้าต่างการติดตั้งจะมีสัญลักษณ์ของ Oracle ปรากฏให้เห็นอยู่ในหลายๆ ที่ ไอคอนต่างๆ ของแต่ละโปรแกรมก็เปลี่ยนรูปร่างไป รวมถึงหน้า Splash Screen ก็ปรับเปลี่ยนโฉมใหม่เช่นกัน ยังมีไอคอนสำหรับปุ่ม New บนทูลบาร์ที่หน้าตาเปลี่ยนไปด้วย

รูปแบบโลโก้ Splash Screen หรือไอคอนต่างๆ ที่ปรับเปลี่ยนไป ดูแล้วทำให้รู้สึกสว่างสดใสขึ้น และคาดว่า Oracle จะพัฒนา OpenOffice.org ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อผู้ใช้ทั่วโลกจะสามารถใช้ OpenOffice.org ได้อย่างประทับใจต่อไป

ที่มา : www.openoffice.in.th

วันอังคารที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สัดส่วนการตลาดที่เติบโตของ Brower ที่เป็น Open Source

ก่อนหน้านี้การเข้าเว็บไซต์ ท่องไปในโลกอินเตอร์เน็ตนั้นจะมี Browser เพียงไม่กี่เจ้าเท่านั้นที่อยู่ในตลาด และคนส่วนใหญ่ก็จะรู้จักแต่ Internet Explorer อาจจะมาจากสาเหตุที่ว่าคนส่วนใหญ่ใช้ Microsoft Windows และเจ้า IE มาอยู่บน Windows มาแต่ไหนแต่ไร

แต่ปัจจุบันนี้ถึงแม้จำนวนโปรแกรม Browser ที่อยู่ในตลาดจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นกว่าเก่า แต่ก็มีเพียงไม่กี่ต้วที่เป็นที่นิยมในท้องตลาด แต่อย่าคิดว่า IE จะสามารถครองตลาด Browser ได้อย่างคงทนถาวรอีกต่อไป เรามาดู Market Share สำหรับตลาด Browser เพื่อเปรียบเทียบความนิยมในการใช้ Browser ของผู้ใช้กับบ้าง

ตั้งแต่ปี 2007 ส่วนแบ่งการตลาดของ IE มีถึง 79.16% โดย Firefox ได้ส่วนแบ่ง 15.84% Safari และ Opera ได้ส่วนแบ่ง 2.39% และ 1.78% ตามลำดับ

มาดูปี 2008 บ้าง IE มีส่วนแบ่ง 75.18% เป็นสัดส่วนที่ลดลง แต่ Firefox กลับกันโดยมีส่วนแบ่ง 18.76% ซึ่งเพิ่มมากขึ้น และเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 3% ส่วน Safari และ Opera มีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นแต่ไม่มาก มีสัดส่วนอยู่ที่ 2.81% และ 2.01% ตามลำดับ

ความแตกต่างที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2009 IE มีส่วนแบ่งที่ลดลงอย่างต่อเนื่องคือ 66.29% ซึ่งลดลงประมาณ 9% เป็นตัวเลขที่มากพอสมควร ส่วน Firefox ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยมีสัดส่วน 23.29% มากขึ้นเกือบ 5% อัตราส่วนมากขึ้นกว่าปี 2008 Safari มีสัดส่วนที่ 3.95% Opera อยู่ที่ 2.15% ซึ่งก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน

ส่วนในปีนี้ถึงแม้จะยังไม่ถึงสิ้นปี ข้อมูลปัจจุบัน IE มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 60.80% ซึ่งก็ยังลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นเดิม ส่วน Firefox อยู่ที่ 24.42% Safari 4.62% Opera 2.37%

สัดส่วนการตลาดของ IE ที่ลดลงน่าจะเกิดจาก ปัญหาที่อยู่บน IE เช่นความช้า ความไม่ปลอดภัย ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ทำให้ผู้ใช้ IE ลดลง ส่วนอัตราการเติบโตของ Firefox น่าจะเกิดจากความเร็ว ความปลอดภัย และที่สำคัญคือ Add-on ที่มีมากมายให้เลือกดาวน์โหลด ที่สำคัญคือฟรี เนื่องจากเป็นซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส แต่ด้วยความปลอดภัยนั่นเองทำให้ Firefox ไม่สามารถรันเว็บไซต์มี ActiveX ได้ และเว็บไซต์ประเภทนี้มีเยอะพอสมควร

อีกประเด็นหนึ่งที่น่าตกใจคือ Google Chrome ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปี 2008 ในปีแรกมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 0.4% ในปี 2009 อยู่ที่ 2.64% และปี 2010 อยู่ที่ 6.16% อัตราการเติบโตเกือบ 200% ทีเดียว ซึ่งเหตุผลน่าจะเกิดจากความเร็วของ Chrome ที่มีความเร็วในการเข้าถึงเว็บไซต์ที่เร็วกว่า Firefox อีกด้วย แต่ปัญหาคือภาษาไทยแสดงผลไม่สมบูรณ์บน Chrome

ไม่ว่าจะเป็น Firefox หรือ Chrome ต่างก็เป็นซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สทั้งคู่ และมีอัตราการเติบโตที่สูง และการพัฒนาของทั้ง Firefox และ Chrome มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ด้วยความเป็นโอเพนซอร์ส จึงทำให้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว

หากคุณมีความคิดที่ว่าของฟรี มักจะไม่ใช่ของที่ดี ตัวอย่างของ Firefox และ Chrome เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าของฟรี และดีมีอยู่ บางครั้งดีกว่าของที่ต้องเสียเงินซื้อเสียอีก

ข้อมูลสัดส่วนการตลาดได้จาก http://marketshare.hitslink.com

วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ข้อแตกต่างระหว่าง Open Source กับ Freeware

รูปแบบไลเซนส์นั้นมีอยู่หลายรูปแบบมาก หลายคนจะสับสนว่า Freeware กับ Open Source ก็ใช้งานฟรีเหมือนกัน แล้วแตกต่างกันอย่างไรสำหรับไลเซนส์ 2 แบบนี้

สำหรับผู้ที่ไม่ได้ศึกษาเรื่องไลเซนส์มาก่อน ผมจะขอเล่าเกี่ยวกับไลเซนส์สำหรับซอฟต์แวร์ให้ฟังสักเล็กน้อย ไลเซนส์ความหมายคือ สิทธิ์ที่ผู้เป็นเจ้าของสิทธิ อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้งานได้ตามขอบเขตที่เจ้าของสิทธิ์จะอนุญาต เช่น อนุญาตให้ใช้งาน หรือเผยแพร่ รูปแบบไลเซนส์หากแบ่งย่อยจะมีหลายรูปแบบมาก แต่ผมจะแบ่งตามหลักๆ ได้ 5 ประเภท

1. Proprietary Software
2. Trialware (Shareware)
3. Freeware
4. Crackware
5. Open Source Software

1. Proprietary Software หมายถึงซอฟต์แวร์ที่วางขายตามท้องตลาด เช่น MS Windows, MS Office, Adobe Photoshop, AutoCAD ซอฟต์แวร์เหล่านี้คุณภาพสูง แต่จะคิดค่าไลเซนส์ โดยปรกติคิดราคาต่อเครื่อง ทำให้ซอฟต์แวร์ประเภทนี้มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง แต่เป็นกลุ่มซอฟต์แวร์ที่ได้รับความนิยมที่สุด

2. Trialware (Shareware) เป็นซอฟต์แวร์ที่ให้ทดลองใช้ก่อนจะตัดสินใจซื้อ วิธีสังเกตุซอฟต์แวร์ประเภทนี้คือ จำกัดความสามารถ ใช้งานได้ตามวัน เวลาที่กำหนด หากทดลองใช้แล้วประทับใจสามารถสั่งซื้อได้ภายหลัง ซอฟต์แวร์ประเภทนี้ถือว่าแฟร์ เพราะให้ทดลองใช้ก่อน เพราะหากไม่ได้ทดลองใ้ช้ แต่ซื้อมาแล้วใ้ช้ไม่ได้ จะทำให้เสียดายเงินที่ซื้อมา

3. Freeware ซอฟต์แวร์ประเภทนี้ใช้งานได้ฟรี แต่บางครั้งมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น ใช้ได้เฉพาะส่วนบุคคล ห้ามใช้ในเชิงพาณิชย์ หากต้องการใช้เชิงพาณิชย์ จะมีเวอร์ชันที่ผู้พัฒนาเตรียมไว้ขาย ซอฟต์แวร์ประเภทนี้ต้องระวังหากใช้ในองค์กร ควรจะศึกษาไลเซนต์ให้ดีเสียก่อน ยกตัวอย่างไลเซนส์ของ Adobe Reader โปรแกรมที่ใช้อ่านไฟล์ PDF เป็น Freeware อนุญาตให้ใช้งานได้ฟรี แต่หากไม่อ่านไลเซนส์ดีๆ จะผิดไลเซนส์ได้ง่าย เพราะ Adobe Reader ไม่อนุญาตให้ติดตั้งผ่าน Server ได้ นั่นคือ เราไม่สามารถนำตัวติดตั้งมาวางไว้บน Server ขององค์กรแล้วให้พนักงานดาวน์โหลดได้ หากทำเช่นนั้นถือว่าผิดไลเซนส์



4. Crackware เป็นประเภทที่ได้รับความนิยมมากในประเทศไทย แต่เป็นปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน นั่นคือเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ ซอฟต์แวร์ประเภทนี้หากใช้งานจะเปรียบเสมือนโจรที่ลักลอบใช้งานโดยไม่เสียเงิน ส่วนใหญ่จะนำ Proprietary Software มา Crack แล้วใช้งาน หากถูกจับในกรณีละเมิดลิขสิทธิ์ถือเป็นความผิดกฎหมายอาญา จะเสียทั้งเงิน ชื่อเสียง และเสียประวัติ

5. Open Source Software ซอฟต์แวร์ประเภทนี้จะเป็นซอฟต์แวร์ที่อนุญาตให้ใช้งานอย่างอิสระ ไม่ใช่ว่าไม่มีลิขสิทธิ์ โอเพนซอร์สมีลิขสิทธิ์ แต่อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถใช้งาน ก๊อปปี้ เผยแพร่ หรือแก้ไขตัวซอฟต์แวร์เองได้

ความแตกต่างระหว่าง Open Source Software กับ Freeware คือ Freeware ถึงแม้จะฟรี แต่หากใช้งานจำเป็นต้องอ่าน EULA (End User License Agreement) ให้ดีเสียก่อน EULA คือข้อความอธิบายไลเซนส์ เป็นขั้นตอนหนึ่งที่พบบ่อยๆ ตอนติดตั้งซอฟต์แวร์ เราจำเป็นต้องกดยอมรับก่อนแล้วจึงจะทำการติดตั้งได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีใครยอมอ่าน :)

แต่สำหรับ Open Source Software เราสามารถมั่นใจได้ว่าจะไม่มีอะไรแอบแฝง ไม่มีข้อบังคับในการใช้งาน ทำให้ใช้งานสะดวกกว่า Freeware

ผมจึงคิดว่า Open Source Software เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้งานได้อย่างอิสระ เข้าใจง่าย เปิดเผย และไม่ต้องกลัวเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์อีกด้วย

OpenOffice.org ภายใต้ Oracle

ก่อนหน้านี้ผมค่อนข้างใจหาย เพราะไม่ค่อยมีข่าวความคืบหน้าของ OpenOffice.org หลังจากอยู่ในความดูแลของ Oracle แต่เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ได้ทราบแล้วว่า Oracle เอาจริงกับ OpenOffice.org โดยมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับ OpenOffice.org มากมายเกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่นาน

สิ่งแรกที่ผมเห็นคือ หลังจากที่ OpenOffice.org 3.2 ออกมาได้สักพัก ตาม OpenOffice.org Schedule แล้ว OpenOffice.org 3.2.1 ก็เตรียมออกต่อเนื่อง แต่กลับเลื่อนกำหนดการออกไปหลายเดือน ตอนแรกทำให้ผมใจหาย แต่ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา OpenOffice.org 3.2.1 ก็ออกตัว RC1 ออกมาให้อุ่นใจ น่าจะได้เห็น 3.2.1 ตัวเต็มออกมาในเร็วๆ นี้

หลังจากนั้นผมได้เห็นข่าวที่ว่า Oracle สร้าง Product ใหม่คือ Oracle Open Office ถ้าเปรียบเทียบกับ StarOffice แล้วไม่มีความแตกต่างกันแต่อย่างไร เนื่องจาก Oracle บอกว่าทั้ง Oracle Open Office และ StarOffice แตกต่างกันแค่เพียงชื่อ โดย Oracle Open Office เป็น Product ที่ Oracle ขาย Oracle Open Office กับ OpenOffice.org มีความแตกต่างกันอยู่ เช่น Oracle Open Office จะมี Warranty มีการอัพเดทในลักษณะแพท มี Extension ที่ใช้เชื่อมต่อระหว่าง Oracle Open Office กับ MS SharePoint และ Alfresco ฯลฯ

หลังจากที่เห็น Oracle Open Office แล้วทำให้มั่นใจได้ว่า Oracle เอาจริงกับ OpenOffice.org อย่างแน่นอน เพราะข่าวที่ว่า Oracle ได้เปลี่ยน Logo และ Banner ต่างๆ ของ OpenOffice.org ใหม่แทบทั้งหมด โดย Logo จะมีชื่อของ Oracle ติดอยู่ด้วย จึงทำให้ทราบว่า Oracle ไม่ได้เอาจริงแค่ Product ที่ขายเท่านั้น ยังจริงจังกับ Communities ด้วย

OpenOffice.org ภายใต้ธงของ Oracle คงมีความแปลกใหม่ และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องค่อนข้างจะแน่นอน คงต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีข่าวอะไรให้เราประหลาดใจ และประทับใจอีกหรือไม่

ที่มา : www.openoffice.in.th

ปิด การแสดงผลตัวอักษรซ้อนกันของ OpenOffice.org บน Windows Vista, 7

สำหรับท่านที่เคยใช้ OpenOffice.org นั้นคงเคยเจอกันไม่มากก็น้อยที่ตัวอักษรภาษาไทยซ้อนกัน ซึ่งจะเกิดขึ้นบน UI ต่างๆ และโดยมากจะเกิดบน Windows Vista และ Windows 7

การที่จะทำให้ภาษาไทยแสดงผลได้ถูกต้องนั้น มีวิธีการง่ายๆคือ

  1. เปิด OpenOffice.org
  2. ไปที่เมนู Tools > Options > OpenOffice.org > View
  3. ปิดเครื่องหมายถูกหน้า Use system font for user interface
  4. Restart OpenOffice.org
เพราะว่า System โดยปกติแล้วจะใช้ Font Segoe UI ซึ่งผมเดาว่าไม่มีภาษาไทย และ System ก็เลยไปดึงภาษาไทยมาจาก Font อื่นซึ่งไม่ Work กับ OOo ทำให้ตัวอักษรซ้อนกัน ขั้นตอนดังกล่าวเป็นการบอกว่า OOo อย่าใช้ Font ของ System นะจึงทำให้ตัวอักษรไม่ซ้อนกัน

แต่ในบางกรณี เมื่อทำตามขั้นตอนด้านบนแล้วตัวอักษรก็ยังซ้อนกันอยู่ ผมเดาว่า OOo ดันไปเลือก Font ที่ไม่มีภาษาไทยมาใช้เหมือนกับ System ดังนั้นวิธีการแก้ไขอย่างถาวรของผมคือ ให้ System ใช้ Font ที่มีภาษาไทยซะก็จบ ซึ่งทำได้โดย

1. คลิกขวาที่ Desktop เลือก Personalization
2. คลิกไปที่ Windows Color ด้านล่างสุดของหน้าต่าง
3. เลือก Advanced apperance settings...
4. ค่อยๆ เลือก Item ทีละอันแล้วปรับ Font ด้านล่างให้เป็น Tahoma ซะ
ทำให้ครบแล้วกด OK และถ้าใครเอาเครื่องหมายถูกหน้า Use system font for user interface ออกก็ให้เอากลับคืนมา แค่นี้ OOo ก็จะเลือกภาษาไทยได้อย่างถูกต้องแล้วครับ

ปล. วิธีการนี้จะทำให้ Font บน UI ของ Windows กลายเป็น Tahoma แทนซึ่งสำหรับผมนั้นไม่ซีเรียสอะไรครับ เน้นถูกต้องมากกว่า

ที่มา : www.openoffice.in.th

วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2553

แนะนำตัว

สวัสดีครับ ผมทาทัต ธนกนก เป็นผู้ใช้งาน OpenOffice.org มากว่า 3 ปี พอจะมีความรู้เกี่ยวกับ OpenOffice.org บ้าง จึงอยากจะแชร์ความรู้ให้เพื่อนๆ พี่ๆ ที่สนใจจะใช้ OpenOffice.org ได้ทราบ ถึงตัวซอฟต์แวร์ ความสามารถ หรือปัญหาที่พบในโปรแกรมที่เราจะเรียกว่า Bug ของโปรแกรม หากใครมีคำถามหรือแนะนำอะไรก็เข้ามา Comment ได้ครับ