วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2554

สุนัขแสนรักที่จากไป

ปกติที่บ้านผมจะไม่ค่อยนิยมชมชอบสัตว์เลี้ยงเท่าไร พ่อแม่ไม่ค่อยอยากให้เลี้ยง แต่ผมกลับเป็นคนชอบเล่นกับสัตว์ ตอนเด็กๆ อยากเลี้ยงมาก แต่ก็ทำไม่ได้

พอดีมีญาติที่ได้หมามาตัวนึง แต่เลี้ยงไม่ได้เลยเอามาให้แม่ผม แม่ผมก็เลยรับเลี้ยงไว้ ผมดีใจมากที่ได้เลี้ยงหมา หมาตัวนี้ชื่อว่า แกลอน

แกลอนเป็นหมาพันธุ์ English Cocker ตอนเอามาเลี้ยงช่วงแรกๆ มันยังเดินไม่ค่อยแข็งแรง พื้นบ้านชั้นบนเป็นพื้นปาร์เก้ พอมันเดินขามันก็ถ่างออกจนล้มลงไป เห็นมันเดินแล้วดูน่ารักมาก

พอมันโตขึ้นผมก็รู้สึกผูกพันกับมันมาก แต่ส่วนตัวผมไม่ได้เป็นคนให้อาหาร หรืออาบน้ำให้มันสักเท่าไร มีก็บางครั้ง หน้าที่นี้เป็นของแม่บ้านของผมครับ

แกลอนเป็นหมาที่ฉลาดมาก เวลาจะให้มันไปอาบน้ำ เพียงแค่บอกว่า "แกลอน อาบน้ำ" แล้วถือโซ่ มันก็จะวิ่งไปหลังบ้าน นั่งรอ พอวางกาละมังลงมันจะเดินลงไปอยู่ในกาละมัง เพื่อให้เราอาบน้ำให้ แต่มันจะไม่ชอบตอนอาบเสร็จ เพราะผมจะไม่ใช้ไดร์เป่าให้มันเพราะมันกลัว เลยเช็ดหมาดๆ แล้วล่ามโซ่ตากแดดไว้ พอมันแห้งมันจะร้องบอกเรา เหมือนกับจะให้เราปล่อยได้แล้ว เพราะมันแห้งแล้ว

เวลามันป่วย หรือจะพาไปฉีดยา แค่ถือโซ่ แล้วก็เปิดท้ายกระบะ แล้วบอกมันว่า "แกลอนไปหาหมอ" มันก็จะกระโดดขึ้นกระบะ เพื่อให้เราพาไปหาหมอ

แกลอนจะกินน้ำในแก้ว ที่เป็นมาม่าคัพ ที่กินหมดแล้วเลยเอามาทำแก้วใส่น้ำให้มัน เวลาที่น้ำมันหมดแก้ว มันจะคาบแก้ว แล้วพยายามเดินหาคน เพื่อให้ตักน้ำให้มัน

มีอยู่ครั้งนึง น้องผมดื้อ จนแม่ผมต้องตีน้องผม มันกระโดดเข้าไปขวาง แล้วเห่าแม่ผมไม่ยอมให้ตีน้องผม เลยรู้ว่ามันไม่ชอบให้คนทะเลาะกัน ครั้งหลังๆ เลยแกล้งว่าทะเลาะกันให้มันห้ามบ่อยๆ

มันชอบเล่นคาบรองเท้ามาก เวลาปารองเท้าไปให้มันคาบมา มันจะวิ่งไปคาบ แล้วเอากลับมาให้ แต่หลังๆ ตอนที่มันแก่ตัวลง ปารองเท้าไปมันหันมามองหน้า แล้วลงไปนอนแทน

ผมสงสารมันมากเพราะก่อนจะตายมันป่วย แล้วก็หูมันเน่า หมาพันธุ์นี้หูยาว ผมเพิ่งมาทราบภายหลังจากที่มันเริ่มป่วยว่า หมาพันธุ์นี้ต้องทำความสะอาดหูให้ดี ไม่อย่างนั้นจะเน่า และผมรู้สึกผิดมากๆ เพราะช่วงก่อนที่มันจะตาย ผมจะเอามันไปขังหลังบ้าน เพราะหูมันเน่าจนเหม็นมาก มันร้องเรียกเรา ผมก็ได้แต่ไปนั่งอยู่หน้ากรงมัน แล้วก็คอยคุยกับมัน จนในที่สุดมันก็ตาย

ที่ผมรู้สึกไม่ดีเพราะชีวิตมันดูมีความสุขมาก แต่ตอนจะที่มันจะตายกลับต้องถูกขังไม่มีคนสนใจ ถูกทอดทิ้ง ตอนนี้ผมรู้สึกคิดถึง ปนกับความรู้สึกผิดมากๆ ที่ไม่ได้เอาใจใส่มันก่อนที่มันจะตาย รู้สึกคิดถึงมันในบางครั้งที่เห็นหมาพันธุ์เดียวกัน และจะเรียกหมาที่เหมือนมันทุกตัวว่า "แกลอน"

วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

โอเพนซอร์สในต่างประเทศเมื่อเทียบกับไทย

ก่อนหน้านี้ช่วงที่ผมได้ไปงาน OOoCon2010 ที่ฮังการี ได้มีโอกาสเจอคนญี่ปุ่นอยู่คนหนึ่ง และหลังจากนั้นก็ไม่เคยได้คุยกันอีก จนกระทั่งวันก่อนได้รับ add friend ในเฟสบุคจากเพื่อนญุ่ีปุ่นคนนี้ จึงรับและคุยกัน

เขาถามผมว่าจำเขาได้ไหม ซึ่งแน่นอนจำได้อยู่แล้ว เพราะตอนอยู่ที่ฮังการีก็มีเขานี่แหละที่ผมคุยด้วย คนอื่นๆ ผมไม่ได้คุยเลย

เลยได้คุยกันเกี่ยวกับแนวโน้มโอเพนซอร์ส ซึ่งผมเล่าเคสในบ้านเราว่าช่วงนี้คนเริ่มสนใจกันเยอะ ในเมืองไทยเพิ่งจะเริ่มสนใจกันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเริ่มจากเอกชนก่อน ซึ่งในเมืองไทยภาครัฐไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าไร เลยไปได้ช้า

ผมจึงถามเขาว่าแล้วในญี่ปุ่นละ เป็นยังไงบ้างเรื่องโอเพนซอร์ส เขาบอกว่าก็ดี แต่ทางญี่ปุ่นภาครัฐในระดับท้องถิ่นเริ่มก่อน ภาครัฐในระดับประเทศไม่มีกระแสเท่าไร เพราะมีเงิน แต่ในท้องถิ่นต้องเริ่มเพราะไม่อย่างนั้นไม่ไหว

จุดนี้เป็นจุดที่แตกต่างกับของเมืองไทย เพราะที่ญี่ปุ่นการเมืองท้องถิ่นไปแล้ว เพราะค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์สูงแต่เมืองไทย ว่าตรงๆ คือคงใช้ละเมิดกันอยู่ เลยไม่คิดที่จะไปโอเพนซอร์ส

ส่วนการเมืองระดับประเทศเขารวย เลยไม่คิดเรื่องโอเพนซอร์ส แต่ของเราคงเป็นประเด็นเดิมคือการละเมิดลิขสิทธิ์นั่นเอง

เขาบอกว่าที่รัฐบาลญี่ปุ่นไม่ไปโอเพนซอร์สเพราะเกรงว่ามีความเสี่ยง ซึ่งจุดนี้เป็นจุดหนึ่งที่หลายๆ ที่ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชนในบ้านเราเป็นเหมือนกันคือกลัวความเสี่ยงที่เกิดขึ้น

ผมบอกเลยว่าเสี่ยงไหมที่จะเปลี่ยนเป็นโอเพนซอร์ส เสี่ยงจริงครับ ถ้าไม่วางแผนให้ดี การเปลี่ยนไม่ใช่ว่าเปลี่ยน 100% ถามว่าเรามีเงิน 100 บาท อยากประหยัดต้องไม่กินข้าว แล้วเหลือเงิน 100 บาทเลยไหม คำตอบคือไม่ใช่ เรามี 100 อยากประหยัดยังไงก็ต้องกิน แต่กินให้พออยู่ เช่นกิน 50 เหลือเก็บ 50 ถึงจะถูก

เพราะฉะนั้นการประหยัดไม่ใช่ประหยัดแบบไม่คิดจะจ่าย เราควรจ่ายให้น้อยที่สุด เท่าที่จะทำได้ การใช้โอเพนซอร์สก็เหมือนกัน เราควรวางแผน เพื่อลดความเสี่ยง อะไรเปลี่ยนได้ก็เปลี่ยน อะไรเปลี่ยนไม่ได้ จำเป็นต้องซื้อก็ซื้อ การใช้โอเพนซอร์สต้องประเมินก่อนว่าทำได้แค่ไหน ไม่เช่นนั้น การเปลี่ยนมาใช้โอเพนซอร์ส ก็ไม่ต่างอะไรกับการตะเกียกตะกายหาของล้ำค่ามาแต่ใช้ไม่เป็น

วงที่อยู่ในใจเสมอ

บอกได้เลยว่าผมเหมือนมีดนตรีอยู่สายเลือด ชอบฟังเพลง เล่นดนตรี แน่นอนคนที่ชอบเสียงเพลงมักจะมีวงดนตรีที่อยู่ในหัวใจทุกคน ของผมต้องวงนี้เลยครับ "นูโว"

นูโวเป็นวงที่ผมฟังตั้งแต่เด็ก ผมไม่ได้รู้จักนักร้อง นักดนตรีทุกคนนะครับ ส่่วนใหญ่ผมฟังเพลง แต่ไม่ค่อยได้ไปวุ่นวายกับชีวิตนักดนตรีเท่าไร ชื่นชอบที่ผลงานมากกว่า

จำได้ตั้งแต่เด็กๆ จะชอบเพลง "นิยามรัก" มาก รู้สึกว่าจะเป็นพี่โจกับพี่ก้องร้องคู่กัน พอฟังแล้วรู้สึกเหมือนแย่งกันร้อง เป็นเพลงที่ชอบมากเพลงนึง

อีกเพลงคงเป็น "เก็บไว้ให้เธอ" คนร้องรู้สึกจะเป็นพี่จอห์น ที่ช่วงนี้หันไปเป็นผู้เชี่ยวชาญในวงการไอทีเรียบร้อยแล้ว เพลงนี้ขึ้นต้นเป็นเสียงรถชน (คิดว่านะ) แล้วเป็นเพลงที่ไม่มีเสียงเครื่องดนตรี เป็นเสียงคนทั้งหมด ชอบมาก ความหมายดีมากครับ

ส่วนเพลงอื่นๆ เป็นเพลงที่สดใส ความหมายอาจจะแปลกๆ หน่อย เช่น "คางคกร่าเริงเลย" จริงๆ ผมก็ไม่รู้เพลงเขาสื่ออะไรนะครับ แต่ก็ชอบเหมือนกัน

มีอัลบั้มนึงที่ใช้เล่นคำ มีคำว่า "เลย" อยู่ท้ายเพลงทุกเพลงในอัลบั้ม ในช่วงนั้นถือว่าเป็นแนวคิดที่แปลกๆ เหมือนกัน

สิ่งที่ทำให้ผมชอบวง "นูโว" ไม่ใช่เพลงเสียทั้งหมด ความชอบอีกส่วนหนึ่งคือ เวลาฟังแล้วรู้สึกว่าวงนี้รักดนตรีจริงๆ เล่นกันอย่างเต็มที่ เล่นแล้วดูมีความสุข เป็นวงที่ทำให้ผมรู้สึกว่าอยากเล่นดนตรีขึ้นมาในช่วงนั้น

เรียกได้ว่าวง "นูโว" เป็นแรงบันดาลใจหนึ่งที่ทำให้ผมรักเสียงดนตรี และหัดเล่นดนตรีก็ว่าได้ครับ วงนี้จะอยู่ในความทรงจำตลอดไปครับ

วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2554

หันมานึกถึงเพลงในวันเรียน

ผมเป็นหนึ่งที่รักเสียงดนตรี เล่นกีต้าร์ได้ แต่ไม่ถึงกับเก่งอะไรนัก แค่พอตะแน่วๆ เป็นเพลงได้แค่นั้น ผมฟังเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ จะคุ้นเคยกับเพลงเก่าๆ เพื่อนผมชอบบอกว่าถ้าจะถามเรื่องเพลงเก่าต้องถามไอ้เติ้ล

ช่วงชีวิตช่วงหนึ่งผมได้ใช้ชีวิตอยู่ในรั้วม. ราม ผมอาศัยอยู่ที่ราม 2 ช่วงนั้นจำได้ว่าเพลงที่ฟังอยู่เพลงนึงชอบมากจนต้องไปหาซื้อเทปมาฟัง (ช่วงนั้นยังเป็นตลับเทปอยู่) เพลงนั้นชื่อว่า "งมงาย" หลายท่านร้องอ๋อ เพราะเป็นวงในดวงใจหลายคนนั่นคือ bodyslam นั่นเอง

ผมตระเวนหาซื้อเทปวง bodyslam แถวหอในม. ราม 2 เชื่อไหมครับไม่มีใครรู้จัก เพราะช่วงนั้นเพลงเพิ่งโปรโมท ตระเวนหาอยู่นานมากจนไปเจออยู่ร้านหนึ่ง จึงซื้อมาฟัง

ผมเป็นคนที่ซื้อเทปมาจะฟังทั้งอัลบัม ผมก็นั่งเปิดจำได้ว่าช่วงนั้น เปิดมันทั้งวัน วนไปวนมาอยู่อย่างนั้น มีหลายเพลงที่โดนใจผมมาก เช่น "สักวันฉันจะดีพอ" "ย้ำ" "อากาศ" "ทางของฉัน ฝันของเธอ" ที่ผมชอบมากที่สุดคือเพลง "ยกโทษ" ครับ

bodyslam อัลบัมแรกเป็นอัลบัมที่ผมชอบที่สุดในอัลบันทั้งหมดของ bodyslam เพราะแนวเพลง bodyslam ถ้าคนเคยฟัง จะมีสองอัลบัมแรกที่เป็นแนวใสๆ พอตั้งแต่อัลบัมสามเป็นต้นมาก็เป็นแนวแรงขึ้น แต่ผมก็ไม่ได้ไม่ชอบนะครับ เพียงแต่ชอบแนวอัลบัมแรกๆ มากกว่า ไม่ทราบว่าเกี่ยวกับพี่เภาที่แยกตัวออกไปหรือเปล่า

พูดถึงอัลบัมที่สองมีเพลงนึงที่ชอบนั่นคือ "ชีวิตที่เหลืออยู่" ความหมายดีมาก เป็นเพลงใช้ผมใช้จีบแฟนตอนที่คบกับใหม่ๆ

นี่เป็นวงๆ หนึ่งที่ผมชื่นชอบมาก ฟังตั้งแต่อัลบัมแรกจนถึงอัลบัมปัจจุบัน ร้องได้แทบทุกเพลง เรียกว่าแฟนพันธุ์แท้ (เฉพาะเพลงนะ ไม่ใช่นักร้อง) ก็ว่าได้ วันหลังจะมาเล่าถึงวงที่ชอบวงอื่นๆ บ้างแล้วกันครับ