วันก่อนผมได้ดูเดี่ยว 9 ของพี่โน๊ตอุดม ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ซื้อแผ่นแท้ก็ว่าได้ ก่อนหน้านี้ละอายตัวเองมาก เพราะดูเถื่อนมาโดยตลอด แต่พอเห็นผลงาน ความพยายามของพี่เขาแล้วผมยอมรับว่ากดปุ่มโหลดไม่ลงทีเดียว เอาน่าสนับสนุนพี่เขาหน่อยจะได้มีโชว์อย่างนี้ให้เราดูกันเรื่อยๆ
ดูเดี่ยว 9 แล้วก็นั่งขำในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พี่โน๊ตเล่าสมัยเด็กๆ พอมานึกมันเหมือนกับเรื่องที่เกิดกับเราเหมือนกัน แต่ที่มาสะดุดตรงช่วงที่กำลังจะจบ แล้วพี่โน๊ตเล่าเกี่ยวกับว่ามีคนดูถูกเขาเรื่องที่จะทำเดี่ยวในช่วงแรกๆ แล้วพี่โน๊ตก็พูดคำๆ นึงว่า BAD sometime GOOD ผมสะกิดใจคำนี้เลยมานั่งวิเคราะห์คำนี้ดู
เป็นอย่างที่พี่โน๊ตว่าจริงๆ ในเรื่องๆ เดียวกันมันก็มีทั้งในแง่ดี และแง่ร้าย มีทั้งประโยชน์ มีทั้งโทษ ซึ่งแล้วแต่คนจะมอง หรือแล้วแต่สถานะที่ยืนอยู่ เช่น กรณีที่ผลไม้ราคาถูกมาก จนชาวสวนออกมาประท้วงทุกปี ก็มีคนได้ประโยชน์ และคนเสียประโยชน์ แน่นอนว่าชวนสวนย่อมเสียประโยชน์ แต่สำหรับผู้บริโภคต้องยอมรับว่าได้ประโยชน์เต็มๆ
หรืออย่างเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา คนเดือนร้อนกันเป็นล้าน ก็ยังมีคนได้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้ เช่น เรือรับจ้าง ร้านขายเรือ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีคนคิดที่จะใช้เรือเป็นพาหนะในการโดยสาร หรือเรือที่ซื้อตุนไว้ ขายไม่ค่อยได้ มาขายได้ก็คราวนี้
เช่นเดียวกับชีวิตเรา บางครั้งเราเจอมรสุมชีวิตที่คล้ายจะกระหน่ำ โจมตีเรา จนทำให้เรานั้นแทบจะหมดแรง ไม่อยากมีชีวิตต่อ แต่เมื่อเราก้าวข้ามผ่านช่วงนั้นมาได้ เราจะขอบคุณเหตุการณ์เหล่านั้น ที่ทำให้เราได้เข้มแข็งขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น
แต่ถ้าเมื่อไรที่เราก้าวผิด ล้มลงไป หมดสิ้นทุกอย่าง อาจจะมองดูว่าไม่มีอะไรดี แต่สิ่งนั้นก็ทำให้เราได้รู้ว่า อะไรคือปัจจัยที่ทำให้เกิดความผิดพลาด และจะเป็นประสบการณ์ให้กับเรา และคนที่มองดูเราอยู่ด้วยเช่นกัน
ทุกสิ่งทุกอย่างมี 2 ด้านเสมอ อยู่ที่มุมมอง วิสัยทัศน์ ประสบการณ์ และสถานะที่คนๆ นั้นยืนอยู่ อย่าไปต่อว่าคนอื่นว่าทำไมเขาต้องทำแบบนั้น แบบนี้ แต่จงถามตัวเองว่าถ้าเราอยู่ในเหตุการณ์ และมีสถานะเดียวกับเขา เราจะตัดสินใจอย่างไร ในกรณีที่มีภาวะแรงกดดันอันมหาศาลเช่นเดียวกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น