วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554

ลิขสิทธิ์กับความรู้สึกที่เปลี่ยนไป

ผมไม่ได้อัพเดทบล็อกนี้นานมาก เพราะมีงานอื่นๆ เยอะมากที่ต้องดูแล กับความที่ไม่รู้จะเขียนอะไร แต่วันนี้ผมมานั่งมองดูชีวิตผมเอง กับความรู้สึกที่เปลี่ยนไปเกี่ยวกับเรื่องลิขสิทธิ์ พอจะรวบรวมได้จึงมาเล่าให้ฟังกันนะครับ

โดยส่วนตัวผม ผมเป็นคนที่ไม่ชอบเอาเปรียบใคร เป็นลักษณะยอมให้คนอื่นเอาเปรียบมากกว่าไปเอาเปรียบคนอื่น จึงทำให้เรื่องการซื้อของลิขสิทธิ์นั้นไม่เป็นปัญหาในแง่ความรู้สึกกับตัวผมเท่าไร ปัญหาประการเดียวคือเรื่องของเงินตัวเดียว เพราะผมไม่ได้ร่ำรวยอะไร พูดง่ายๆ ว่า "บ่จี้" นั่นเอง

ก่อนหน้าที่ผมจะทำงาน ตอนเรียนเรื่องลิขสิทธิ์ไม่เคยอยู่ในหัวผม ไม่เคยรู้มาก่อนว่าสินค้าต่างๆ นั้นมีลิขสิทธิ์ เพราะช่วงนั้นเรื่องลิขสิทธิ์ยังไม่โด่งดังขนาดนี้ จะว่าไปไม่มีใครพูดถึงเลยด้วยซ้ำ ก่อนที่จะเรียนจบก็เริ่มรู้จักเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ โดยสื่อที่ออกมาเกี่ยวกับปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศ แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะมีผลอะไรกับชีวิตผม

พอเริ่มเข้าทำงานที่แรกที่ SCI (Siam Compressor) จึงเริ่มรู้ว่าองค์กรมีความจำเป็นต้องซื้อซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ ผมโชคดีมากที่บริษัทที่ผมทำงานด้วยที่แรกนั้น ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ จึงรู้ว่างบประมาณในการซื้อคอมพิวเตอร์ไม่ได้มีแค่ฮาร์ดแวร์ แต่มีเรื่องซอฟต์แวร์ด้วย แต่มันก็เป็นจุดด้อยในประสบการณ์ด้วยความคิดที่ว่า "บริษัทไหนๆ ก็ใช้ของแท้" แต่แท้ที่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่เลย

หลังจากนั้นผมได้เข้าทำงานกับ Osdev (Open Source Development) ได้เข้ามาคลุกคลีเกี่ยวกับเรื่องซอฟต์แวร์และลิขสิทธิ์เต็มตัว ในแง่บริษัทแล้วผมถือว่าผมถูกลิขสิทธิ์เต็มที่ ในงานของบริษัทไม่มีอะไรที่ผิดไลเซนส์เลย แต่ในแง่ส่วนตัวแล้ว ยังมีเรื่องหนัง และเพลง ที่ยังคงไม่ถูกนัก ในช่วงแรกไม่มีความคิดที่จะซื้อลิขสิทธิ์เลยด้วยซ้ำ

หลักจากที่ทำงานด้านลิขสิทธิ์มา ได้บรรยายเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ พูดเกี่ยวกับปัญหาเรื่องการละเมิด ถึงแม้ในงานผมไม่มีปัญหา แต่ในส่วนตัวลึกๆ ก็ยังรู้สึกว่าเราพูดเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ แต่เรายังไม่ clean เลย เลยเป็นแผลในใจเล็กๆ อยู่เสมอ

หลังจากนั้นจึงตั้งใจว่าเราควรจะเห็นความสำคัญของลิขสิทธิ์ไม่ใช่เพียงซอฟต์แวร์ แต่ควรจะเป็นทุกๆ เรื่อง จึงเริ่มจากการอุดหนุนแผ่นซีดีเพลง แทนที่จะซื้อแผ่นก๊อป หรือโหลดจากอินเทอร์เน็ต ก่อนหน้านี้ผมรู้สึกว่าแผ่นลิขสิทธิ์นั้นแพง แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลับมีค่าใช้จ่ายใกล้เคียงกับแผ่นเถื่อน แต่เราได้ความสบายใจ และยืดได้ว่าเราซื้อของแท้

พอมาซื้อสินค้าลิขสิทธิ์แล้วรู้สึกว่า แผลที่อยู่ในใจ และจะสะกิดทุกครั้งที่ผมพูดเรื่องลิขสิทธิ์ ได้เลือนรางออกไปจากจิตใจ และพูดได้เต็มปากว่าผมให้ความสำคัญกับเรื่องลิขสิทธิ์อย่างเต็มที่ ถึงแม้คนอื่นไม่รู้คุณค่าของสิ่งนี้ แต่ผมรู้เลยว่าการให้ความสำคัญกับสิ่งที่เราหากินอยู่นั้น จะทำให้เราสามารถทำให้คนอื่นเชื่อได้มากกว่าการที่เราพูดอย่างหนึ่ง แต่ทำอีกอย่างหนึ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น