วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เพิ่มความรักให้แก่กันด้วยการสัมผัส

ก่อนหน้านี้ผมเคยได้ยินผู้เชี่ยวชาญพูดว่า การสัมผัสเป็นการเพิ่มความรู้สึกที่ดีให้แก่กัน ตอนแรกผมไม่ได้ใส่ใจกับคำแนะนำนี้สักเท่าไร และบอกเลยว่าสิ่งที่ผมทำ และจะเล่าให้ฟังนี้ก็ไม่ได้ทำตามทฤษฎีนี้หรอก แต่พอมานึกย้อนดูมันก็ตรงกับทฤษฎีจริงๆ

การสัมผัสที่ว่านี้ไม่ได้หมายถึงเรื่องใต้สะดือนะครับ แล้วก็ไม่ใช่การสัมผัสแบบต่อย ตบ ตีด้วย การสัมผัสที่ว่านี้หมายถึงการสัมผัสแบบอ่อนโยน แผ่วเบา การสัมผัสแบบนี้จะช่วยให้เกิดความรู้สึกดีทั้งต่อผู้สัมผัส และผู้ถูกสัมผัส

ประสบการณ์การสัมผัสของผมเริ่มจากการสัมผัสคนที่เรารักมากที่สุด นั่นคือพ่อแม่ ตอนที่เป็นยังเด็ก ผมอยู่กับพ่อแม่ แต่จะนอนกันคนละห้อง ก่อนที่ผมจะไปนอน ผมก็หอมแก้มพ่อแม่อยู่บ่อยๆ หลังๆ พอโตขึ้นในบางโอกาสก็มีบ้างที่หอมแก้มท่าน แต่พอโตขึ้นส่วนใหญ่จะเป็นการกอด หรือพยุงท่านเวลาเดินไปไหนมาไหนมากกว่า

กับแฟนผมเอง ก็ใช้วิธีการสัมผัสนี่แหละคอยช่วยให้อารมณ์ของเราทั้งคู่สงบลงตอนที่ทะเลาะกัน บางครั้งทะเลาะกันบนรถตอนขับไปต่างจังหวัด เมื่อเราต้องการง้อ ไม่ต้องมีคำพูดอะไร เพียงแค่เราจับมือกันไว้ ไม่นานความโมโหก็เย็นลงได้

การสัมผัสนี่ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก บางครั้งเวลาผมป่วย กินยานอนแล้วก็ยังไม่รู้สึกดีขึ้น แต่พอแม่มาดูแล เพียงแค่เอามือมาสัมผัสที่หน้าผากเรา แค่นั้นก็รู้สึกว่าความไม่สบายตัวก็ค่อยๆ คลายไป

ผมว่าสาเหตุที่คนทะเลาะกัน มีปัญหากันแล้วเลิกลากันไป นั่นเพราะเขาไม่รู้จักที่จะใช้การสัมผัส เพื่อปรับความเข้าใจกัน พอทะเลาะกันก็ไม่มองหน้ากัน ตบ ตี กัน คงมีคนไม่มากนัก ที่เวลาทะเลาะแล้วมานั่งจับมือกันเหมือนผม ^__^ คงมีลูกอีกหลายคนที่เวลาป่วย นอนรอการสัมผัสจากพ่อแม่ แต่พ่อแม่กลับทำแต่งานจนไม่มีเวลาแม้แต่จะถามลูกสักคำว่าเป็นอย่างไรบ้าง

ผมถือว่าโชคดีที่ได้รับการสัมผัสจากพ่อแม่ด้วยความรัก และผมก็พร้อมที่จะใช้การสัมผัสเพื่อบอก และเพิ่มความรู้สึกดีให้กับคนที่ผมรักต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น