แต่ตอนนี้ผมยังไม่มีตั๋วรถเลย ผมจึงหาข้อมูลว่าตั๋วของที่นี่ขายอย่างไร และราคาเท่าไร พบว่ามีตั๋วหลายประเภทมากตั๋วแบบเที่ยวเดียว ตั๋วแบบ 24 ชั่วโมงคือใน 24 ชั่วโมงนั่งเท่าไรก็ได้ ตั๋วแบบ 72 ชั่วโมง และที่ผมซื้อคือตั๋วแบบ 7 วัน
วันแรกที่ผมมา ผมพยายามหลายชั่วโมงจนได้ตั๋วแบบเที่ยวเดียวมาใบหนึ่ง จากที่เล่าให้ฟังครั้งที่แล้ว ผมต้องต่อรถจาก Metro Line 3 ไปยัง Metro Line 2 แล้วผมมีตั๋วใบเดียว จึงทำให้ไม่สามารถนั่ง Metro Line 2 ได้ จึงต้องนั่งแท็กซี่
แต่พออ่านแล้วเลยเจ็บใจตัวเอง ในข้อมูลบอกว่า เราสามารถใช้ตั๋วนี้สามารถนั่งรถได้ทั้ง รถเมล์ รถไฟทุกประเภท แต่นั่งได้อย่างเดียว ยกเว้น Metro Line ที่สามารถเปลี่ยนสายได้ภายใน 60 นาที จึงคิดว่าทำไมเราไม่อ่านข้อมูลก่อนมา เรานี่แย่จริงๆ T-T
เมื่อได้ข้อมูลมาเลยตั้งใจจะไปซื้อตั๋ว 7 วันมา จึงหาว่าต้องซื้อที่ไหน จึงรู้ว่าผมต้องไปซื้อที่สถานที Metro Line สถานีไหนก็ได้ ผมจึงเดินไปยังสถานีที่ใกล้ที่สุด คือที่ที่ผมเดินไปเมื่อวานนี้ ผมไม่รู้ช้าออกเดินทางตอน 7 โมงเช้า
ขณะที่เดินไปเรื่อยๆ ผมพยายามหาตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ เผื่อถ้ามีขายผมจะได้ไม่ต้องเดิน จะได้นั่งรถเมล์ไป ตอนนี้ผมมีเหรียญอยู่ในมือมากพอจะซื้อตั่วได้ถึง 4 ใบ แต่ระหว่างทางที่ผมเดิน ไม่เจอตู้ขายตั๋วสักตู้ จึงต้องอาศัยเท้าของผมเพื่อเดินทางไปยังสถานีที่ใกล้ที่สุด
ถึงสถานีผมเดินไปยังตู้ขายตั๋ว ตู้ขายตั๋วเป็นตู้ที่ปิดหมด ระหว่างผมกับคนขายเป็นกระจกกั้นไม่มีช่อง ให้เราพูดกันเหมือนอย่างตู้อื่นๆ มีเพียงถาดที่อยู่ใต้กระจกไว้ส่องเงินหากันเท่านั้น ผมถามว่าตั๋ว 7 วันราคาเท่าไร เค้าบอกว่า 4050 ฟอรินซ์ ผมบอกว่า 2 ใบละ เค้าดันให้ราคาตั๋วแบบเที่ยวเดียวสองใบมาคือ 640 ฟอรินซ์ ผมบอกไม่ใช่ ตั๋ว 7 วัน 2 ใบ เค้าจึงอ๋อแล้วบอกว่า 9100 ฟอรินซ์ ผมจึงซื้อมา 2 ใบ
เมื่อซื้อมาแล้วเขาบอกให้ผมเขียนชื่อไว้ในตั๋วด้วย ในตั๋วจะมีช่องให้เขียนชื่อ และช่องประทับวันที่ ซึ่งเข้าประทับวันที่ให้ผมเรียบร้อยแล้ว ผมจึงทดลองใช้โดยการนั่งรถเมล์กลับไปยังที่พัก รู้สึกว่าสบายกว่าการเดินเป็นไหนๆ
เมื่อถึงที่พัก คุณสัมพันธ์ถามว่าไปไหนมา ผมก็เล่าให้ฟังว่าผมไปไหน แล้วก็พากันลงมากินอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม อาหารเช้าผมทานเหมือนเดิมคือ ออมเล็ต แต่ผมไม่ทานแซนวิช แต่เลือกที่จะทานคอนเฟล็กแทน และกดช็อคโกแลตมา 1 แก้ว มื้อนี้ก็อร่อยเช่นเดิม
ทานอาหารเช้าเสร็จก็เตรียมออกเดินทางไปยัง CEU ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน ผมได้ดูแผนที่แล้วจึงรู้ว่าผมต้องเดินทางอย่างไร จึงพาคุณสัมพันธ์นั่งรถเมล์ และต่อรถไฟไปยังสถานีที่ใกล้ที่สุด คุณสัมพันธ์ก็เข้าใจว่าผมศึกษาข้อมูลมาอย่างดี โดยที่ไม่รู้ว่าผมรู้แค่การมาที่สถานีนี้เท่านั้น
เมื่อมาถึงสถานีที่ใกล้ที่สุด ผมเลือกทางออกที่มีชื่อเดียวกับสถานที่ในแผนที่ เมื่อออกไปด้านนอก เกิดปัญหาขึ้นเพราะผมก็ไม่รู้ว่าต้องเดินไปทางไหน ผมคิดว่าหากผมเดินหาป้า้ยที่บอกชื่อถนนสักป้ายหนึ่งเจอ ผมก็จะรู้ว่าผมต้องเดินไปทางไหน แต่คุณสัมพันธ์เข้าใจว่าผมรู้ว่าต้องเดินไปทางไหน ซึ่งก็ตามผมมาแบบสบายใจ
พอเดินมาสักพักผมเจอป้ายหนึ่งแล้วรู้ว่าเดินมาผิดทาง คุณสัมพันธ์จึงถามว่า อ้าว ที่เดินมานี่ไม่รู้ทางหรอ เราก็นึกว่าศึกษามาแล้ว คุณสัมพันธ์ถามว่าได้อ่านข้อมูลที่ทางผู้จัดส่งให้หรือเปล่า ในนั้นมีบอกว่าต้องเดินทางไหน เรานี่แย่จริงๆ T-T
ผมบอกว่าไม่ได้อ่าน เราจึงหยิบขึ้นมาแล้วจึงเดินไปตามทางนั้น โดยการถามคนที่เดินไปเดินมาตามทางว่าผมต้องไปทางนี้ใช่ไหม แต่ปัญหาคือคนที่นี่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ พูดได้น้อยมาก พอเจอคนที่พูดอังกฤษได้จึงถามว่าผมต้องไปทางไหน จนในที่สุดก็ถึงสถานที่จัดงาน
เราเข้าประชุมสาย เมื่อเข้าไปถึงการประชุมเริ่มกันแล้ว ถึงแม้ผมจะฟังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร แต่ผมพอจับประเด็นได้ว่าเขาคุยอะไรกันในแต่ละเรื่อง ทำให้ผมรู้สึกว่าโลกโอเพนซอร์สมันเป็นโลกแห่งการแบ่งปันจริงๆ แต่ละคนที่เข้ามามีทั้งเป็นผู้ให้บริการ เป็น Community เข้ามาแชร์ เข้ามาพูดคุยกัน และบางคนก็เป็นคน Contribute โครงการนี้ด้วย หลายคนอยู่กับโครงการนี้มากกว่า 5 ปีแล้ว
การพูดคุยเป็นไปอย่างเป็นกันเอง แต่คำถามที่มีการถามกันนั้นเป็นคำถามที่ตรงประเด็น และแรง แต่ก็ทำให้คลายข้อสงสัยของแต่ละคนไปได้ บางคำถามได้รับคำตอบ บางคำถามก็ต้องขบคิดกันต่อไป แต่ก็ถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี สำหรับโครงการนี้
ในการประชุม มีการแนะนำตัว ผมได้พูดถึงงานที่ผมทำ และได้ฟังว่าคนอื่นๆ เขาทำอะไรกันบ้าง ผมรู้สึกว่าคนอื่นๆ ก็มีปัญหาด้านภาษาอังกฤษกันพอสมควร เช่นนึกศัพท์ไม่ออก แต่เขาไม่อายที่จะพูด และทุกคนตั้งใจฟังเขา พยายามเข้าใจเขา อย่างคนญี่ปุ่นมากัน 2 คน เขานึกคำพูดแต่ละคำนานมาก กว่าจะพูดจบ แต่เขาก็ไม่อาย
ผมเลยเข้าใจว่าประเทศไทย ไม่ใช่ประเทศที่ไม่มีความรู้เรื่องภาษาอังกฤษ ทุกประเทศเป็นเหมือนกันหมด แต่เขาไม่อายที่จะพูด คุณ Shinji ที่มาจากญี่ปุ่น ผมคุยกับคุณสัมพันธ์คุยกับเขาเป็นภาษาอังกฤษ แต่เขาไม่เข้าใจที่ผมพูด แต่เขาก็กล้าที่จะเดินเข้าไปในวงที่ฝรั่งยืนคุยกันขณะทานกาแฟ เพื่อฟังที่พวกเขาคุยกัน ในขณะที่ผมไม่กล้าที่จะเดินเข้าไป เพราะกลัวคำถามที่เขาอาจจะถามเรา ทำให้ผมรู้ว่าปัญหาไม่ใช่เรื่องความรู้ด้านภาษาเสียแล้ว
หลังจากการประชุมจบ ผมก็ได้เดินทางกลับมาที่พัก และเมื่อถึงที่พักผมได้นั่งเีขียนบทความที่ผมได้เข้าประชุมมา ว่ามีประเด็นอะไรบ้างไว้ที่ www.openoffice.in.th แล้วจึงเข้านอน วันพรุ่งนี้ผมต้องเดินทางไปที่รัฐสภาของฮังการีเพื่อร่วมพิธีเปิด และเข้าร่วมงานสัมมนา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น