ผมกับคุณสัมพันธ์ เมื่อหยิืบอาหารเสร็จก็มาสะดุดตรงเครื่องชงกาแฟ ซึ่งทีกาแฟหลายๆ แบบให้เลือกทั้งกาแฟ กาแฟใส่นม คาปูชิโน ยังมีช็อคโกแลต และนมด้วย ผมไม่รู้ช้ากดนมร้อนมาแก้วหนึ่ง และผมก็คาดว่ามันต้องจืดแน่นอนจึงใส่น้ำตาลไป 1 ก้อน ฟองนมเยอะมาก น่ากินสุดๆ
พอนั่งทานแล้วรู้สึกว่า อาหารที่นี่ตรงกับสิ่งที่ผมชอบมาก เพราะรสชาดออกเค็ม และมันทั้งชีส เนย นม อร่อยสุดๆ แต่ถ้ากลับไปตรวจร่างกายคงมีร้องกันบ้างแน่ๆ
เมื่อทานอาหารเสร็จผมได้ลงมานั่งทำงานอยู่ใต้โรงแรม เนื่องจากที่นี่อินเทอร์เน็ตฟรีก็จริง แต่ใช้ได้ที่ Lobby เท่านั้น นั่งทำงานจนถึงบ่ายกว่าๆ จึงหันไปหาคุณสัมพันธ์แล้วบอกว่า ไปทานอาหารเที่ยงกันดีกว่า เพราะเดี๋ยวห้องอาหารจะปิด
ก่อนมา่ที่นี่ผมได้อ่านเกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่ฮังการี เค้าบอกว่าที่นี่อาหารกลางวันจะเป็นอาหารมื้อใหญ่สุดของวัน มื้อกลางวันของผมคือ ข้าวราดน่องไก่หมักซอสถั่วลันเตา ซุปพาสต้า และของหวานที่ไม่รู้ชื่ออีกถ้วยหนึ่ง อาหารมื้อนี้อร่อยเช่นเดิม เพราะมีรส และความหอมของเนยด้วย น่องไก่ที่นี่ใหญ่มาก และเขาเอาถั่วลันเตายัดเข้าไปใต้หนัง โดยอยู่ระหว่างเนื้อ และหนัง รสเค็มเข้าไปถึงเนื้อ อร่อยดีครับ
หลังจากทานอาหารกลางวัน ผมก็ขอออกไปเดินเล่น คุณสัมพันธ์ถามว่าจะเดินไปไหน นี่มันชานเมืองนะ ไม่กลัวหลงหรอ ผมบอกว่าเดินไปเรื่อยๆ จะเิดินตรงอย่างเดียว ตอนกลับก็จะได้กลับง่ายๆ จึงออกเดินโดยพกกล้องไปด้วยตัวหนึ่ง
เดินไปสักพักผมก็เห็นจุดที่เป็นหลุม ถ้าเป็นหลุมปรกติคงไม่มีอะไรที่ผมต้องสะดุดดู แล้วได้เก็บภาพมาด้วย หลุมน่าจะเกิดจากการขุด หรือไม่ก็ดินทรุด แต่มีเสามากั้นเพื่อป้องกันอันตราย และเสาไม่ใช่แบบเสาเด็กเล่น เสาดูดีมีระดับทีเดียว ทำให้คิดได้สองอย่าง ว่าเค้าใส่ใจกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในเมืองกับ หลุมนี้เกิดขึ้นมานาน ยังไม่มีการแก้ไข เลยป้องกันด้วยวิธีเอาเสามาวางไว้ก่อน ผมคิดว่าไม่ว่าอย่างไหน เขาก็มีการป้องกันอุบัติเหตุที่น่าจะเกิดขึ้นได้ค่อนข้างโอเคเลยล่ะ
ผมออกเดินทางหาซื้อน้ำโดยมุ่งไปที่ซุเปอร์มาเก็ต แต่ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ก็เดินมาเรื่อยๆ จนเจอกับซุเปอร์ไม่ไกลจากโรงแรมนัก ระยะทางประมาณ 500 เมตร แต่ด้วยความที่ผมมีอีกเป้าหมายหนึ่ง คือซื้อซิมการ์ดของที่นี่ เพราะหากต้องการติดต่อกันระหว่างผมกับคุณสัมพันธ์ หรือบางทีอาจจะโทรไปยังสถานที่ต่างๆ จะได้สามารถโทรได้
ผมจึงตัดสินใจที่จะยังไม่ซื้อน้ำเพราะถ้าซื้อตอนนี้คงต้องแบกไป แบกมา น่าจะเหนื่อย จึงออกเดินทางต่อ เดินมาอีกประมาณ 1 กิโลกว่าๆ ก็เจอห้างสองห้าง อยู่คนละฝั่งถนนกัน ผมเดินเข้าไปในห้างที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก่อน ด้วยเหตุใดถึงตัดสินใจอย่างนั้นไม่ทราบได้ ก็เดินเข้าไปหาร้านที่จำหน่ายมือถือที่ชื่อว่า Telenor เพราะเมื่อวานที่หาทางมาโรงแรมอยู่นั้นได้ ทราบว่าหาซื้อซิมได้จากศูนย์ของ Telenor และเดินผ่านป้ายโฆษณาเห็นโลโก้นี้ จึงเดินหาดู
หลังจากนั้นจึงเดินกลับมาที่ซุเปอร์ที่ผ่านมาตอนแรกเพื่อซื้อน้ำ ปรากฎว่าดูราคาแล้วตกใจ จากเดิมที่ซื้อที่โรงแรมขวดเล็กราคา 150 ฟอรินซ์ มาที่ซุเปอร์ขวดขนาด 1.5 ลิตร ราคาตกประมาณ 54 ฟอรินซ์ เฮ้ย นี่มันอะไรกัน ขวดใหญ่ถูกกว่าขวดเล็กอีกหรอเนี่ย จึงซัดมา 1 แพ็ค พร้อมโค๊กซีโร่สองขวด และของใช้อีกนิดหน่อย แต่ดันไม่นึกถึงตอนกลับว่าต้องเดินกลับโดยแบกของที่หนักประมาณ 5 กิโลกว่าไปด้วย
ทางกลับระยะทางประมาณ 500 เมตร รู้สึกว่าไกลกว่าขามามาก หยุดพักตลอดทาง เมื่อมาถึงก็เอาของไปแช่ตู้เย็นและลงมาโทรศัพท์ผ่าน Skype หาผู้ปกครอง และโทรหาที่ปรึกษาทางใจ และก็ได้ขึ้นนอน โดยบอกกับตัวเองว่า พรุ่งนี้เราจะต้องไปซื้อตั๋วรถ เพราะไม่อย่างนั้นเดินทางไปที่ที่จัดงาน Conference ไม่ได้แน่นอน แล้วก็หลับไปโดยตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอน 6:00 น. เพื่อเตรียมตัวก่อนออกเดินทางไปสถานที่จัดงาน Conference
ปล. ภาพที่เก็บระหว่างทาง และถ่ายบนห้องพัก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น