วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2553

ทริปฮังการีเพื่อเข้าร่วมงาน OOoCon2010 วันที่ 1

ผมได้มาที่เมืองบูดาเปสที่ฮังการีเพื่อเข้าร่วมงาน OOoCon2010 แต่สำหรับรายละเอียดของงานนั้นผมจะเขียนไว้ที่ www.openoffice.in.th สำหรับบล็อคนี้ผมจะพูดถึงการท่องเที่ยว ประสบการณ์ที่มายุโรปครั้งแรกของผมครับ

ในวันแรกที่เดินทาง ผมขึ้นเครื่องบินของสายการบิน Austrian Airline วันที่ 29 สิงหาคม เวลา 13:00 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยสายการบินนี้จะบินที่เวียนนาก่อน แล้วจึงต่อเครื่องบินอีกเครื่องไปยังบูดาเปส

ผมเดินทางถึงเวียนนาเวลา 18:30 น. ตามเวลาในเวียนนา หากเทียบกับประเทศไทยก็ประมาณ 23:30 น. หลังจากนั้นตามกำหนดการจะต้องขึ้นเครื่องตอน 19:55 น. จึงคิดว่าเวลาตั้ง 1 ชั่วโมงกว่าๆ หลังจากเครื่องลงที่เวียนนาจะไปทำอะไรดี

ปรากฎว่าไม่ต้องทำอะไรเลย หลังจากเครื่องลงก็ต้องยื่นพาสปอร์ตให้กับเจ้าหน้าที่ตม. ซึ่งแถวยาวเหยียด ได้ตรวจพาสปอร์ตตอน 19:10 น. จึงคิดว่าเหลือว่าอีกประมาณครึ่งชั่วโมงน่าจะเดินเที่ยวซื้อของใน Duty Free ทัน แต่ต้องตรวจร่างกาย ซึ่งก็เหมือนกับตรวจพาสปอร์ตคือแถวยาว แต่ไม่มากเท่าตรวจพาสปอร์ต ตรวจเสร็จก็ 19:40 น. ก็เรียกขึ้นเครื่องพอดี

เครื่องที่บินมาบูดาเปสนั้นเล็กมาก เครื่องบินมีใบพัดด้วย และมีผู้โดยสารไม่ถึง 30 คน ใช้เวลาบินประมาณ 45 นาทีก็ถึงฮังการี

เมื่อมาถึงฮังการี ผมกับคุณสัมพันธ์ก็นั่งเปิดแผนที่ เพื่อหาทางไปยังที่พักที่ได้จองไว้ ซึ่งในเอกสารบอกว่าให้เรานั่งรถเมล์ และไปต่อรถไฟที่เรียกว่า Metro Line ซึ่งรถไฟนี้มี 3 สาย เราต้องนั่งสายที่ 3 แล้วไปต่อสายที่ 2 แล้วนั่งรถเมล์จึงจะถึงที่หมาย

แต่ปรากฏว่าเรานั่งรถเมล์จากสนามบินไปถึงสถานี Metro Line เวลาประมาณ 21:30 น. ตามเวลาฮังการี เมื่อถึงสถานีก็ต้องการจะซื้อตั๋ว แต่เครื่องขายตั๋วนั้นรับเฉพาะเหรียญเท่านั้น เงินที่แลกเป็นเงินฟอรินซ์ของฮังการีนั้นก็มีแต่แบงค์ ผมเดินหาตู้ขายตั๋วที่เป็นบูธดูว่าเปิดอยู่ไหม สรุปทุกตู้ปิดหมดแล้ว มารู้ทีหลังว่าตู้นี้ขายตั๋วถึงแค่ 20:00 น. เท่านั้น ทำไงดีละทีนี้

ผมจึงเดินไปที่ร้านขายขนมปังเพื่อขอแลกเหรียญ แต่คนขายบอกว่าเค้าไม่มีเหรียญให้แลกหรอก มีแค่นิดหน่อยเท่านั้น ผมก็ซื่อเชื่อเขา เดินกลับมาหาคุณสัมพันธ์ว่าเค้าไม่มีให้แลก คุณสัมพันธ์บอกว่า "นี่ไม่ใช่เมืองไทยนะ ลองซื้อของเขาดูซิ เชื่อว่าเขาที่เหรียญทอนแน่ๆ" จริงตามนั้นครับ ผมเดินไปอีกครั้งแต่ทีนี้ไปซื้อขนมปัง พอเขาเปิดเครื่องคิดเงินมา เหรียญงี้เต็มกระบะเลย ผมเลยคิดว่าเมืองไทยนี่คนมีน้ำใจกว่านะเนี่ย

หลังจากซื้อตั๋วได้แล้ว ก็นั่งรถไฟสาย 3 เพื่อมาต่อรถไฟสาย 2 แต่แล้วก็เกิดปัญหาึขึ้น ลืมคิดไปว่าต้องซื้อตั๋วรถไฟสาย 2 ด้วยนี่นา เมื่อจำต้องต่อรถจึงเกิดปัญหา เหรียญไม่มีหยอดตู้ และที่สำคัญสถานีนี้ไม่มีร้านขายของเสียด้วยซิ ทำไงดีละทีนี้

ผมเดินหาร้านขายของ แต่ทุกร้านปิดหมดแล้ว เดินไปเดินมา โชคดีเจอเครื่องขายน้ำอัตโนมัติ และตู้นี้รับแบงค์เสียด้วย ไม่รอช้าผมควักแบงค์ที่ตามที่ตู้บอก ซึ่งรับเพียงแค่แบงค์ 500 เท่านั้น ผมก็ใส่เข้าไป มันก็ดีดกลับมา ผมก็ใส่ใหม่ ก็ดีดกลับมาอีก เอหรือผิดฝั่ง ใส่ใหม่อีกฝั่งหนึ่ง ก็เหมือนเดิม กลับไปกลับมาจนหมดหวังสงสัยเสีย แต่มารู้ที่หลังว่าตู้แบบนี้ทุกตู้ไม่สามารถใส่แบงค์ได้ ใช้ได้แค่เหรียญ (แล้วจะมีที่ใส่แบงค์ทำไมฟะ) ทำไงดีละทีนี้

ผมจึงเปลี่ยนใจ เอาวะนั่งแท็กซี่ก็ได้ แต่เท่าที่อ่านมานั้นที่นี่เค้าไม่ให้เรียกแท็กซี่ข้างทาง ให้โทรเรียก ผมจึงเริ่มต้นหาซิมการ์ดที่เป็น Pre-Paid เพื่อใช้ที่นี่ (สังเกตเห็นโลโก้ค่ายมือถือที่นี่ชื่อว่า Telenor เหมือนกับค่ายมือถือบ้านเราค่ายหนึ่งตามป้ายโฆษณา) เดินจนเจอซุเปอร์มาเก็ตคุณสัมพันธ์จึงเข้าไปเพื่อหาซื้อซิมการ์ด

แต่ซิมการ์ดไม่มีขายในซุเปอร์ คุณสัมพันธ์จึงเดินเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ที่ซุเปอร์ แต่เค้าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ใช้เวลาพอสมควรจึงเ้ข้าใจเขา เขาบอกว่าต้องไปซื้อที่ศูนย์ Telenor หรือตัวแทนจำหน่ายเท่านั้น เป็นไปได้ยังไง บ้านเราร้านโชว์ห่วย ตลาดนัดยังมีขายเลย ทำไงดีละทีนี้

ในกระเป๋าผมตอนนี้มีเหรียญอยู่ประมาณ 200 กว่าฟอรินซ์ จึงเริ่มเดินหาโทรศัพท์สาธารณะ เจออยู่ตู้หนึ่งหน้าทางขึ้นสถานีรถไฟ แต่อ่านชื่อสถานีไม่ออกเพราะเป็นภาษาฮังการี ที่นี่แปลกอยู่อย่างหนึ่ง ป้ายแทบทุกป้ายเป็นภาษาฮังการี และไม่มีภาษาอังกฤษเลย ทำให้ไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน ทำให้เมื่อโทรไปเรียกแท็กซี่ แล้วแท็กซี่ถามว่าอยู่ที่ไหน เราไม่สามารถออกเสียงชื่อสถานที่นี้ได้ และถามว่าตู้โทรศัพท์นี้หมายเลขอะไร เราก็ตอบไม่ได้เพราะไม่รู้ดูที่ไหน สุดท้ายเงินที่หยอดไปหมด แล้วจะทำไงดีละทีนี้

จึงจำใจเรียกแท็กซี่ที่จอดอยู่ริมทาง บอกทางแล้วก็ถามราคา เพราะถ้าเราคิดว่าแพงไปเราจะต่อ และเป็นการป้องกันไม่ให้แท็กซี่ขับวนไปวนมาแล้วบอกว่าไกลจึงแพง พอถามราคาเค้าบอกว่าตามมิเตอร์ จึงจบข่าว ต้องตามแต่มิเตอร์จะกรุณา

เมื่อขนของขึ้นรถเสร็จ แท็กซี่ก็ออกเดินทางไปที่พัก นั่งมาแล้วรู้สึกว่าำไกลเหมือนกันนี่นา เมื่อถึงมิเตอร์ก็บอกเราว่าค่าแท็กซี่ 7,750 ฟอรินซ์ (ประมาณหนึ่งพันกว่าบาท) ด้วยความที่เหนื่อย ค่อนข้างมือ และไม่คุ้นกับเงินของที่นี่ จะควักแบงค์ 10,000 แต่ยื่นแบงค์ 1,000 ให้เค้า เค้าบอกว่า อันนี้พันเดียวนะ ผมเลยเอาใหม่ ยื่นใบใหม่ไปให้ สรุปใบใหม่แต่ 1,000 เหมือนเดิม เค้าคงขำ และงงกับเรา จึงเปิดไฟ แล้วบอกเราว่า ถ้า 1,000 จะสีนี้ ถ้าเป็น 10,000 จะอีกสีนึง สรุปก็ส่งแบงค์ 10,000 ให้เค้าสำเร็จ เฮ้อถึงซะที

เมื่อถึงห้องพัก ก็ลุ้นว่าห้องจะเป็นอย่างไร น่าอยู่ไป สรุปโล่งใจ และหายเหนื่อยเพราะรู้สึกประทับใจกับห้อง ห้องมีห้องแยก 2 ห้อง ห้องใหญ่ 1 ห้อง ห้องเล็ก 1 ห้อง ซึ่งตรงกลางเป็นห้องโถง และมีห้องครัวด้วย แถมห้องครับมีเตาแก๊ส ตู้อบ ตู้เย็น เครื่องครับครบครัน ห้องน้ำมีอ่าง และมีห้องที่เป็นห้องส้วมแยกอีกห้องหนึ่งด้านใน สรุปวันแรกก็จบไป ถึงที่พักเวลา 24:00 น. เป๊ะ นั่นคือถึงเช้าอีกวันนั่นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น